'นิสสัน' ปลุกกระแส EV เพิ่มการทำตลาด 'ลีฟ' ในอาเซียน

15 มี.ค. 2562 | 05:30 น.

'นิสสัน' ยอมรับยอดขาย "ลีฟ โฉมใหม่" ไม่เปรี้ยง หรือยังตํ่า 50 คัน สวนทางตลาดโลกใช้เวลา 1 ปี ขายเกิน 1 แสนคัน ยืนยัน! ภายใน 3 ปี มีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี, อี-พาวเวอร์) รวม 8 รุ่นใหม่ ส่วนไทยรอรับ "โน๊ต อี-พาวเวอร์" และโรงงานประกอบแบตเตอรี่

อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล การขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะพลิกโฉมการทำธุรกิจตั้งแต่ต้นนํ้าไปถึงปลายนํ้า โดยสมการธุรกิจยานยนต์ยุคใหม่ ทั้งการขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ การเชื่อมต่อรถกับอินเตอร์เน็ต และคาร์แชริ่ง หรือ แชริ่งอีโคโนมี เป็นประเด็นที่ทุกค่ายรถยนต์ให้ความสำคัญ โดยตั้งทีมศึกษาพัฒนาของตนเอง และการแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและนอกอุตสาหกรรมยานยนต์

ล่าสุด ได้เห็นความร่วมมือระหว่าง 2 ค่ายเยอรมนี "เดมเลอร์ เอจี" ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ "บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป" ด้วยการลงทุน 1 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท) เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ รองรับ 5 บริการหลัก คือ 1.REACH NOW บริการออพชันการเดินทางจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งที่หลากหลาย เช่น บริการเรียกรถ (แท็กซี่) เช่ารถ เช่ามอเตอร์ไซค์, 2.SHARE NOW บริการคาร์แชริ่ง, 3.PARK NOW บริการจองที่จอดรถล่วงหน้า, 4.FREE NOW บริการเรียกแท็กซี่ คนขับส่วนตัว สกูตเตอร์ไฟฟ้า และ 5.CHARGE NOW สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดสามารถควบคุมสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน

ด้าน 'นิสสัน' ที่ขายอีวีเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยโปรดักต์ 'ลีฟ' พยายามสร้างระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้า สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อต่อยอดการพัฒนาใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อสร้างความสุขและความปลอดภัยในการเดินทาง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บนต้นทุนที่ตํ่าลง
 

'นิสสัน' ปลุกกระแส EV เพิ่มการทำตลาด 'ลีฟ' ในอาเซียน


สำหรับ "นิสสัน ลีฟ เจเนอเรชันแรก" ขายตั้งแต่ปี 2553 ได้ยอดขายรวมกว่า 3 แสนคัน แต่เจเนอเรชันที่ 2 ใช้เวลาเพียง 1 ปี หลังจากเปิดตัวที่ญี่ปุ่นปลายปี 2560 ในยุโรปและสหรัฐอเมริกาต้นปี 2561 ถึงวันนี้ ทำยอดขายได้กว่า 1 แสนคันแล้ว นั่นหมายถึง ยอดขายสะสมของลีฟจนถึงปัจจุบันมีมากกว่า 4 แสนคัน

ส่วนประเทศไทยที่เปิดให้รับจอง "ลีฟ โฉมใหม่" ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ด้วยราคาขาย 1.99 ล้านบาท และมีรถพร้อมส่งมอบในเดือน เม.ย. นี้ ปัจจุบัน ยอดจองยังไม่ถึง 50 คัน โดยไทยเป็น 3 ประเทศแรกในอาเซียน ที่ได้ขายรถรุ่นนี้ นอกเหนือไปจากมาเลเซียและสิงคโปร์ แต่ล่าสุด นิสสันประกาศทำตลาดเพิ่มเติมที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ในปีหน้า

"ลีฟ เจเนอเรชันแรก ใช้เวลา 7 ปี ขายไปกว่า 3 แสนคัน แต่รุ่นใหม่ใช้เวลาเพียง 1 ปี ขายได้ 1 แสนคันแล้ว แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป" นายนิค โทมัส ผู้บริหารที่ดูแลรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน กล่าวและว่า

'ลีฟ' ประสบความสำเร็จมากในอังกฤษ นอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา (โดยเฉพาะแคลิฟอร์เนีย) ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่า ตลาดพวกนี้ รัฐบาลไม่ได้ให้ส่วนลด หรือ สนับสนุนในด้านราคาเท่านั้น แต่ผู้ใช้ยังได้ประโยชน์เพิ่มเติมในด้านอื่น ๆ เช่น มีที่จอดรถฟรี จุดชาร์จไฟฟ้าฟรี และรถสามารถวิ่งเข้าไปในเขตควบคุมมลพิษทางอากาศได้ (Clean Air Zone)

"เราไม่ได้ขายลีฟในฐานะตัวรถเท่านั้น แต่ขายทั้งระบบนิเวศของการใช้งาน ผ่านการพัฒนาสถานีชาร์จไฟฟ้าให้แพร่หลาย และนิสสันพูดคุยกับหลายหน่วยงาน เพื่อเพิ่มความสะดวกจากการชาร์จไฟตามอาคาร หรือ คอนโดมิเนียม ขณะเดียวกัน ลูกค้าจะได้ประโยชน์มากมาย เช่น ต้นทุนต่อหน่วยการวิ่งจากการใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนตํ่ากว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายใน และค่าบำรุงรักษาตํ่า รวมถึงตัวรถสามารถเปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงานป้อนคืนให้แก่บ้านหรืออาคารได้"

ทั้งนี้ นิสสันตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี, อี-พาวเวอร์) เป็น 25% จากรถยนต์ทั้งหมด ที่ทำตลาดในเอเชีย โอเชียเนีย ด้วยรถ 8 รุ่นใหม่ ในปี 2565

นายยูตากะ ซานาดะ รองประธานอาวุโสระดับภูมิภาคของนิสสันเอเชียและโอเชียเนีย กล่าวว่า ตามแผนระยะกลาง Nissan M.O.V.E. to 2022 นิสสันต้องการให้ผู้บริโภคเข้าถึงการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้มากที่สุด โดยมีเป้าหมายเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 4 (25%) ของยอดขายในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย

ด้วยยอดขายของ "นิสสัน ลีฟ" มากกว่า 4 แสนคัน นับตั้งแต่เริ่มขายในปี 2553 "นิสสัน ลีฟ" เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ขายดีที่สุดในโลก ในปีนี้นิสสันได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไทย ฮ่องกง และมาเลเซีย

การเปิดตัว "นิสสัน ลีฟ ใหม่" และการเปิดตัวเทคโนโลยี "อี-พาวเวอร์" (e-POWER) นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย "อี-พาวเวอร์" เป็นเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนิสสัน ที่ช่วยให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงประโยชน์ของรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟฟ้า "นิสสัน เซเรน่าอี-พาวเวอร์" (Nissan Serena e-POWER) จะเป็นรถยนต์อี-พาวเวอร์รุ่นแรกที่จะเปิดตัวในภูมิภาค โดยเริ่มต้นที่สิงคโปร์ในปีนี้

"ตามแผนระยะกลางของนิสสัน รวมถึงการจัดหาวัตถุดิบและประกอบชิ้นส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในภูมิภาคสำคัญ อย่าง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 8 รุ่น ภายในปี 2565" นายซานาดะ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นิสสันได้ยื่นแผนลงทุนในโครงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต่อบีโอไอเช่นกัน โดยรถที่อยู่ภายใต้แผนนี้ คือ โน๊ต อี-พาวเวอร์ ที่เตรียมทำตลาดในเมืองไทยภายในปี 2564 พร้อมตั้งโรงงานประกอบแบตเตอรี่ในไทย

ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ปี 2562 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของไทยจะทำได้ 3.7-3.85 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 76-83% จากปี 2561 แบ่งเป็น กลุ่มไฮบริด 25,100-26,050 คัน หรือขยายตัว 106-114% และปลั๊ก-อินไฮบริด 11,500-12,000 คัน เพิ่มขึ้น 32-37% และอีวี 400-450 คัน

หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,452 วันที่  14 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2562

'นิสสัน' ปลุกกระแส EV เพิ่มการทำตลาด 'ลีฟ' ในอาเซียน