ไอคอนสยามจองเกลี้ยง! ผุดเฟส 2 รับผู้เช่าเพิ่มมั่นใจแม็กเนตดึงนักช็อป

24 มี.ค. 2559 | 03:00 น.
“ไอคอนสยาม” สวนกระแสเศรษฐกิจซบ ยอดจองพื้นที่ 5.2แสนตรม. หมดเกลี้ยงตั้งแต่ยังไม่เปิดพรีเซลล์ ล่าสุดผุดเฟส 2 อีก 5 ไร่รองรับ มั่นใจต่อจิ๊กซอว์ลงตัว หลังใช้เวลา 5 ปีคิดและพัฒนาคอนเซปท์ พร้อมก้าวสู่ New Global Destination ชูอัตลักษณ์ความเป็นไทยดึงนักช้อปทั่วโลก เผยหลังเปิดตัวโปรเจ็กต์ปลุกธุรกิจย่านฝั่งธนคึกคัก ราคาที่ดิน -คอนโดพุ่ง ย้ำพร้อมเปิดตัวโครงการอย่างอลังการปลายปี 2560

นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด เจ้าของโครงการไอคอนสยาม เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงผลตอบรับจากการสำรวจความคิดเห็น การนำเสนอรูปแบบและความต้องการของแบรนด์ชั้นนำระดับโลกในต่างประเทศ พบว่า ผู้ประกอบการแบรนด์ชั้นนำเหล่านี้ต่างให้ความสนใจในโครงการไอคอนสยาม และจับจองพื้นที่เข้ามาจำนวนมาก ล่าสุดพื้นที่ค้าปลีกภายในศูนย์การค้าทั้ง 2 อาคารคือ ไอคอนสยาม (Main Retail & Entertainment) ซึ่งมีพื้นที่ราว 5 แสนตารางเมตร และไอคอนลักซ์ (Luxury Wing) ซึ่งมีพื้นที่ 2.5 หมื่นตารางเมตร ถูกจองพื้นที่เต็มหมดแล้วและยังมีรายชื่อผู้สนใจที่ยังไม่ได้พื้นที่รอการจัดสรร (waiting list) โดยการเปิดขายพื้นที่อย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ 22 มีนาคมนี้

ทำให้บริษัทตัดสินใจลงทุนเพิ่มอีก 4 พันล้านบาท ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 5 ไร่ ฝั่งตรงข้ามถนนเจริญนคร เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่รีเทลเฟส 2 รองรับร้านค้าและผู้เช่าที่ต้องการจะเข้ามาลงทุน ส่งผลให้ไอคอนสยาม มีพื้นที่รวม 55 ไร่ ใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท

“หลังจากทำเทสติ้งคอนเซปต์กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาตลอดระยะเวลา 18 เดือน พบว่าทุกแบรนด์ให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยขณะนี้มีแบรนด์ดังๆ ทั้งในกลุ่มแฟชั่น ร้านอาหารเข้ามาจองพื้นที่แล้วกว่า 500 ราย จนพื้นที่ทั้ง 5.2 แสนตารางเมตรเต็มหมด ไม่เพียงพอทำให้ต้องมีการจัดสรรให้เหมาะสมและลงตัว และเพื่อให้ทุกแบรนด์สามารถตอบโจทย์กับสิ่งที่ไอคอนสยามต้องการสร้างให้ที่นี่เป็นเมืองแห่งอนาคต ทุกแบรนด์จะต้องทำงานร่วมกับบริษัทเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน” นางชฎาทิพ กล่าวและว่า

ผู้ประกอบการต่างชาติต่างเชื่อมั่นว่า การเกิดไอคอนสยาม จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นด้านค้าปลีก การลงทุน และอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและแสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยให้กับประเทศด้วย

ไอคอนสยามเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน จากการคิดที่จะสร้างอภิมหาโครงการเมืองแห่งโลกอนาคต ก่อนที่จะพัฒนาเป็นรูปเป็นร่างพร้อมเปิดตัวในปี 2555 ซึ่งวันนี้ไอคอนสยามพร้อมเปิดโฉมหน้าสู่สาธารณชนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยเป้าหมายที่ต้องการเป็นแลนด์มาร์กของประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก (New Global Destination) ความโดดเด่นของไอคอนสยาม คือการรวมทุกมิติของความเป็นไทยที่ยิ่งใหญ่และไม่เหมือนใคร โดยรวมโบราณสถานแหล่งมรดกทางประวัติศาสตร์กว่า 20 แห่ง ภูมิปัญญาชาวบ้านจากทั้ง 77 จังหวัด ศิลปะ ประเพณีความเป็นไทยที่จะถูกรวบรวมไว้ใน “ไอคอนสยาม เฮอริเทจ มิวเซียม”

นอกจากนี้ยังมีคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยมาตรฐานระดับโลก ที่หรูหราสง่างามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 2 อาคาร ได้แก่ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม ซึ่งขณะนี้ขายหมด100% และเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซึ่งมียอดขายเกินกว่า 50% และยังมีแม็กเน็ตสำคัญ คือ “7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม” อาทิ ระบำสายน้ำผสมผสานแสง สี เสียง ไฟ และมัลติมีเดีย (Multi-Media Water-and-Fire Feature) มูลค่า 400 ล้านบาท ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีความยาวกว่า 400 เมตร ถือว่ายาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งผู้เช่าและผู้บริโภคทั่วไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ที่ผ่านมาหลังเปิดตัวโครงการพบว่า ภาพรวมของธุรกิจฝั่งธนบุรีคึกคักขึ้น โดยเฉพาะราคาที่ดินในย่านดังกล่าวมีราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน รวมถึงร้านค้าต่างๆ

“ในย่านฝั่งธนฯถือเป็นย่านที่มีประชากรหนาแน่น มีกำลังซื้อสูง และเป็นผู้ที่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้หลังจากการเปิดให้บริการคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบคึกคักขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการไอคอนสยามกว่า 1.5 แสนคนต่อวัน แบ่งเป็นลูกค้าคนไทย 65-70% และต่างชาติ 30-35%”

นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้าฝั่งธนบุรีจะเป็นเมืองแห่งอนาคต เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการจะก้าวสู่ความสำเร็จจะต้องเกิดจากการเป็นคลัสเตอร์ ไม่ใช่การเกิดแบบสแตนด์อะโลน ดังนั้นการที่จะประสบความสำเร็จควรผนึกกำลังและก้าวเดินไปพร้อมกัน

อนึ่ง ไอคอนสยาม เกิดจากการผนึกความร่วมมือของ 3 บริษัทใหญ่ได้แก่ สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหาร Mixed-use development ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ , MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่ และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทชั้นนำของไทยที่มีการลงทุนในระดับโลก โดยในปี 2555 ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนสร้างโครงการซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท และจะเปิดให้บริการในปลายปี 2560 นี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,142 วันที่ 24 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2559