บัญชีปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' ส่อสูญพันธ์ุ

10 มี.ค. 2562 | 05:10 น.

... บทวิเคราะห์ของ "เครือเนชั่น" ประเมินที่นั่ง ส.ส.เขต ในแต่ละพื้นที่ 350 เขตทั่วประเทศ โดยดูจากหัวคะแนนและความนิยมของคนในพื้นที่ ปรากฏว่า จะมีการแบ่งเค้กกันของ 11 พรรคการเมือง โดย "พรรคเพื่อไทย" ยังคงรักษาแชมป์เอาไว้ที่ 136 ที่นั่ง

น่าสนใจว่า "3 บ.ก.ใหญ่เครือเนชั่น" สมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป, วีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการบริหาร นสพ.กรุงเทพธุรกิจ และบากบั่น บุญเลิศ บรรณาธิการอำนวยการ นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ฟันธงตรงกันว่า "การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์ ไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ สักที่นั่งเดียวในสภา!!!"

สมชาย อธิบายว่า จากการวิเคราะห์ผลของเนชั่น ที่ระบุว่า เพื่อไทยจะได้ ส.ส.เขต อยู่ที่ 136 เขต นั่นหมายความว่า เพื่อไทยจะต้องได้คะแนนเสียงจากทั่วประเทศรวมกันไม่น้อยกว่า 10,200,000 คะแนน ซึ่งเป็นไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่กำหนดให้คิดคะแนนแบบสัดส่วนผสม

ขณะที่ มีการประเมินกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิประมาณ 70-80% โดยสูตรคำนวณนี้คิดจากจำนวน ส.ส. ที่พึงมีในสภา 350 คน จากทั้งหมด 500 คน คูณด้วย 75,000 คะแนน (คำนวณจากจำนวนประชากรที่จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่ 75% หรือประมาณ 38 ล้านคน จากผู้มีสิทธิทั้งหมด 51 ล้านคน) สมมติกำหนดให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิอยู่ที่ 75% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 51 ล้านเสียง หรือราว 38 ล้านคน เมื่อหาร 350 เขต พบว่า ส.ส. 1 คน แต่ละพรรคจะต้องทำคะแนนเฉลี่ยต่อเขตอยู่ที่ประมาณ 75,000-76,000 คะแนน

ดังนั้น หากเป้าหมาย ส.ส. ที่แต่ละพรรควางไว้ กรณีส่งทั้ง 350 เขต หากต้องการได้ 150 เขต แต่ละพรรคต้องทำคะแนนรวมให้ได้อย่างน้อย 11,250,000 คะแนน หรือเฉลี่ยต่อเขตที่ต้องทำได้ 32,142 คะแนน หากต้องการ 130 เขต ต้องได้คะแนนรวม 9,750,000 คะแนน หรือเฉลี่ยต่อเขตอยู่ที่ 27,857 คะแนน หากต้องการ 120 เขต ต้องทำคะแนนรวม 9 ล้านคะแนน หรือเฉลี่ยต่อเขตอยู่ที่ 25,714 คะแนน 110 เขต ต้องทำคะแนนรวมให้ได้ 8.25 ล้านคะแนน เฉลี่ยเขตละ 23,571 คะแนน และถ้าต้องการ 100 เขต ต้องทำคะแนนรวมให้ได้ 7.5 ล้านคะแนน หรือเฉลี่ยต่อเขตอยู่ที่ 21,428 คะแนน
 

บัญชีปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' ส่อสูญพันธ์ุ

⁍ พท. ส่อสูญพันธุ์ปาร์ตี้ลิสต์

เงื่อนไขสำคัญสำหรับ "พรรคเพื่อไทย" จากที่ประเมินกันว่า จะได้ ส.ส. 136 เขตนั้น ต้องทำคะแนนเฉลี่ยต่อเขตเลือกตั้งให้ได้ถึง 40,800 คะแนน เนื่องจากเพื่อไทยส่งเพียง 250 เขต จากทั้งหมด 350 เขตเลือกตั้ง คะแนนจึงหายไป 100 เขต เมื่อนำคะแนนของ 250 เขต ไปหารกับคะแนนที่คาดว่าจะได้ 10,200,000 คะแนน จากทั่วประเทศ ส่งผลให้เพื่อไทยต้องทำคะแนนต่อเขตเลือกตั้งที่สูงกว่าพรรคอื่น ๆ ที่ส่งทั้ง 350 เขต

กรณีนี้ เพื่อไทยต้องชนะในเขตเลือกตั้งทั้ง 250 เขตด้วย เพื่อให้ได้ ส.ส. 136 เขต ตามที่ประเมินไว้แล้ว ซึ่งในความเป็นจริงยากลำบากมากแล้ว ต้องทำคะแนนให้ได้มากกว่า 10.2 ล้านเสียง จึงจะมีคะแนนมาคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ได้ จึงเป็นไปได้ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทยจะไม่มีส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เลย
 

บัญชีปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' ส่อสูญพันธ์ุ


ครั้งนี้จึงเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากของเพื่อไทย หากย้อนกลับไปก่อนจะ "แตกแบงก์พัน" เคยได้คะแนนสูงสุดถึง 14 ล้านเสียง ครั้งนี้โอกาสจะได้เพียงแค่ 10.2 ล้านเสียง ยังยากมาก ทั้งยังต้องเผชิญกับการย้ายพรรคของอดีต ส.ส. อีกหลายคนด้วย ดังนั้น โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้เกิน 10 ล้านคะแนน โดยรวมทั้งประเทศ จึงน้อยมาก โอกาสที่จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จึงริบหรี่ตามไปด้วย

หากได้ไม่เกิน 10.2 ล้านเสียง จึงเชื่อว่า หลายคนอาจสอบตก อาจต้องกลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานแทน ไล่เลียงตั้งแต่อันดับแรก คือ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, ชัยเกษม นิติสิริ, ภูมิธรรม เวชยชัย, เสนาะ เทียนทอง รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เคยกล่าวไว้ว่า "ทะเลต้องมีฉลาม สภาต้องมีเฉลิม" แต่ครั้งนี้อาจเป็น "ทะเลยังมีฉลาม แต่สภาอาจจะไม่มีเฉลิม"


⁍ คาด "อนค." ได้ปาร์ตี้ลิสต์ 25 ที่

ในขณะที่ "พรรคประชาธิปัตย์" ซึ่งส่งทั้ง 350 เขต ประเมินว่า จะได้ 88 เขต ต้องได้คะแนนเสียง 6,600,000 คะแนน เกินกว่านั้นจึงจะนำมานับเป็นคะแนนได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เมื่อเทียบกับประชาธิปัตย์ที่ส่ง ส.ส. ทั้ง 350 เขต ประเมินว่าได้ ส.ส. 88 ที่นั่ง จึงทำคะแนนน้อยกว่ามาก เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 18,857 คะแนนต่อเขต ที่เหลือจึงนำมานับคะแนน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ให้

ส่วน "พรรคพลังประชารัฐ" ที่ประเมินว่า จะได้ ส.ส.เขต 62 ที่นั่ง จากทั้ง 350 เขต จะได้คะแนนประมาณ 4,650,000 เสียง หรือต้องทำคะแนนเฉลี่ยต่อเขตอยู่ที่ 13,285 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่ตํ่ากว่าประชาธิปัตย์ เพราะจากการประเมินพลังประชารัฐได้จำนวนที่นั่ง ส.ส.เขต ตํ่ากว่าประชาธิปัตย์ ดังนั้น คะแนนที่เกินกว่า 4.65 คะแนน ของพลังประชารัฐ จึงจะนำมานับเป็นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์

รวมถึงสถานการณ์ของ "พรรคอนาคตใหม่ (อนค.)" โดย 3 บ.ก.ใหญ่ เห็นว่า แม้ว่าจะไม่ได้ ส.ส.เขต แต่เชื่อว่า จากคะแนนรวมทั้งประเทศจะส่งผลให้ "อนาคตใหม่" ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ สูงถึง 25 ที่นั่ง เพราะความนิยมจากคนรุ่นใหม่และการใช้สื่อโซเชียลที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี
 

บัญชีปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' ส่อสูญพันธ์ุ

 


⁍ 3 ตัวแปร พลิกการเมือง

อย่างไรก็ตาม ให้จับตาช่วงโค้งสุดท้ายที่เหลืออยู่นี้ "ห้ามกะพริบตา" เพราะเชื่อมั่นว่า แต่ละพรรคจะมีหมัดเด็ดตามออกมาอีกแน่นอน โดยให้จับตาเป็นพิเศษไปที่ 3 ตัวแปรใหญ่ ที่จะทำให้เกิดการพลิกผันของเกมการเมืองที่จะพลิกโฉมเปลี่ยนแปลงไปได้

ตัวแปรแรกนั้นได้เฉลยออกมาแล้ว เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา นั่นคือ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ส่งผลสะเทือนถึงพรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้วางหมากไว้ว่าจะแบ่งเก้าอี้กับเพื่อไทย หากแต่หมากเกมนี้ถูกล้มกระดานไปเป็นที่เรียบร้อย

ขณะที่ ตัวแปรสำคัญอีกตัว คือ ปฏิกิริยาของผู้ที่รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของแต่ละพรรค ให้จับตาเป็นพิเศษไปที่ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งล่าสุด มีท่าทีชัดเจนแล้วว่า จะไม่ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับพลังประชารัฐ จึงต้องมาดูกันต่อว่า ทางพลังประชารัฐจะแก้เกมนี้อย่างไร แว่ว ๆ ว่า จะเข้าไปรุกหนักในเขตพื้นที่อีก 70-80 เขต เพื่อให้ได้ ส.ส.เขต เพิ่มมากขึ้น รวมถึงได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

และตัวแปรที่จะดุเดือดไม่แพ้กัน ก็คือ แคมเปญของแต่ละพรรค ที่เชื่อว่า โค้งสุดท้ายจะระดมออกหมัดเด็ดกันออกมา เพื่อเรียกคะแนนเสียงในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้

อีกกว่า 10 วันที่เหลืออยู่นี้ยิ่งทวีอุณหภูมิเดือดทางการเมือง ทุกสนามทุกพื้นที่มีความหมายต้องติดตาม ...


| รายงาน โดย ทีมข่าวการเมือง

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3451 ระหว่างวันที่ 10 - 13 มีนาคม 2562

บัญชีปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' ส่อสูญพันธ์ุ