อุตสาหกรรมรถยนต์ระสํ่าลุ้น 90 วันทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า 25%

21 ก.พ. 2562 | 04:25 น.
ในขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ อเมริกาและจีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังคณะเจรจาของสหรัฐฯ เดินทางเยือนปักกิ่งเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และทั้ง 2 ฝ่ายออกมาให้ข่าวในทิศทางเดียวกันว่า การเจรจาให้ผลคืบหน้า สร้างความหวังให้กับตลาดและนักลงทุนสะท้อนจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั้งในเอเชียและอเมริกาที่ดีดตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ขานรับท่าทีของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ช่วงเวลาเดียวกันการเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าในอีกซีกโลกคือสหภาพยุโรป (อียู) กลับตั้งเค้าความขัดแย้งคุกรุ่นยิ่งขึ้น สร้างความหวั่นไหวเป็นพิเศษให้กับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้ยื่นบทสรุปรายงานการไต่สวนภายใต้ มาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act 1962 ว่าด้วยเรื่องรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ หรือไม่ให้กับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2562 จากนั้นประธานาธิบดีทรัมป์มีเวลา 90 วันในการพิจารณารายงานดังกล่าว

[caption id="" align="alignnone" width="369"] TP12-3446-1
คลิกที่ภาพเพื่อขยายใหญ่[/caption]

สิ่งที่ลุ้นระทึกกันก็คือบทสรุปของรายงานชิ้นนี้ยังถูกเก็บเป็นความลับ แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าหากผลการไต่สวนของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้ว่าการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนประกอบ เข้าข่ายก่อให้เกิดภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ ผู้นำสหรัฐฯก็จะพิจารณาขึ้นภาษีสินค้านำเข้าดังกล่าวในอัตราเพิ่มขึ้นถึง 25% ตามที่เคยขู่เอาไว้

เท่าที่ผ่านมาการขู่ขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์เป็นเครื่องมือที่ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ในการเจรจาต่อรองกับญี่ปุ่นและยุโรปซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์รายใหญ่ ตราบใดที่ผู้นำสหรัฐฯ เห็นว่าการเจรจากับคู่ค้าทั้งสองยังเป็นไปในทิศทางที่สหรัฐฯได้ประโยชน์หรือยังมีโอกาสได้ในสิ่งที่เรียกร้อง การขึ้นภาษีก็จะยังไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ความคลุมเครือในเรื่องนี้และความไม่แน่ชัดว่าสหรัฐฯ จะขึ้นภาษีจริงตามที่ขู่ไว้หรือไม่ ทำให้เกิดความหวั่นวิตกทั่วทั้งอุตสาหกรรมและไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย สมาคมผู้ผลิตมอเตอร์และอุปกรณ์ยานยนต์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า การปกปิดผลสรุปในรายงานที่กระทรวงพาณิชย์ยื่นเสนอต่อประธานาธิบดีไปแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแต่จะเพิ่มความไม่แน่นอนและยิ่งทำให้ทั้งอุตสาหกรรมมีความวิตกกังวลมากขึ้น

us

นายแมทท์ บลันท์ อดีตผู้ว่าการรัฐมิสซูรี ประธานสภาที่ปรึกษานโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกัน ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนประกอบ หากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อทั่วทั้งอุตสาหกรรม รวมทั้งของสหรัฐฯเอง สอดคล้องกับท่าทีของสมาชิกสภาคองเกรส แม้แต่จากฟากพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีทรัมป์เอง ยังมีท่าทีไม่เห็นด้วย ผลกระทบเชิงลบในขั้นต้นที่ชัดเจนจะตกกับผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่จะต้องซื้อรถแพงขึ้นในหลักกว่าพันดอลลาร์ สหรัฐฯต่อคัน นอกจากนี้ ผลการศึกษาของศูนย์วิจัยยานยนต์แห่งสหรัฐฯ หรือ ซีเออาร์ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระไม่แสวงหาผลกำไร ยังพบว่า ในสมมุติฐานถึงสถาน การณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด หากมีการขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้า 25% จะทำให้ราคารถยนต์โดยสารส่วนบุคคลขยับราคาเฉลี่ยคันละ 2,750 ดอลลาร์ ทำให้ผู้บริโภคหันสู่ตลาดรถยนต์มือ 2 กันมากขึ้น ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ เองจะได้รับผลกระทบ จากต้นทุนนำเข้าชิ้นส่วน ประกอบและอะไหล่ที่พุ่งสูงขึ้น รวมทั้งผล กระทบจากมาตรการตอบโต้ของประเทศคู่ค้าอย่างอียู ซึ่งอาจจะทำให้ต้องมีการโยกย้ายโรงงานผลิตออกนอกสหรัฐฯ และปลดคน งานอันจะสวนทางกับเป้าหมายของ ประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมและการลงทุนภายในประเทศให้แข็งแกร่งและสร้างการจ้างงานภายในประเทศ

หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,446 ระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2562

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว