ครม. ไฟเขียว! ประกันภัยข้าวนาปี 62 วงเงินงบประมาณ 1.7 พันล้าน
ครม. ไฟเขียว! ประกันภัยข้าวนาปี 62 วงเงินงบประมาณ 1.7 พันล้าน อนุมัติเพิ่มเติมภัยช้างป่า พร้อมเปิดทางชาวนาซื้อประกันความเสี่ยงเพิ่มจากที่รัฐบาลชดเชยให้
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต 2561 ภายใต้วงเงินงบประมาณ 1,740.60 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ในปีการผลิต 2561 จำนวน 164.25 ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายแทนรัฐบาลไปก่อน และรัฐบาลจัดค่าชดเชยต้นทุนเงินให้ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) บวกร้อยละ 1 จำนวน 1,576.35 ล้านบาท
สำหรับปีนี้แบ่งพื้นที่การรับประกันภัยเป็น 2 ระดับ คือ Tier 1 (เทียร์) และ Tier 2 โดย Tier1 เป็นการรับประกันภัยขั้นพื้นฐาน พื้นที่เป้าหมายไม่เกิน 30 ล้านไร่ แบ่งเป็น กลุ่มเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ไม่เกิน 28 ล้านไร่ และกลุ่มเกษตรกรทั่วไปไม่เกิน 2 ล้านไร่ ส่วน Tier 2 เป็นการรับประกันภัยร่วมจ่ายโดยสมัครใจ พื้นที่ไม่เกิน 5 ล้านไร่ ส่วนอัตราค่าเบี้ยประกันภัย กรณี Tier1 อัตราเท่ากันทุกพื้นที่ 85 บาท/ไร่ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) โดยรัฐบาลอุดหนุน 51 บาท และ ธ.ก.ส. อุดหนุน 34 บาท 92.02 บาท/ไร่ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) กลุ่ม (1) รัฐบาลอุดหนุน 58.02 บาท ธ.ก.ส. อุดหนุน 34 บาท กลุ่มที่ (2) รัฐบาลอุดหนุน 58.02 บาท เกษตรกรจ่ายเองอีก 34 บาท
ส่วน Tier 2 กลุ่ม (1) และ (2) จ่ายเพิ่มจาก Tier1 ในอัตราที่แตกต่างกันตามความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ 6.42 บาท/ไร่ ความเสี่ยงปานกลาง 17.12 บาท/ไร่ ความเสี่ยงสูง 27.82 บาท/ไร่ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) นอกจากภัยน้ำท่วม หรือ ฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ ภัยศัตรูพืชและโรคระบาด ได้เพิ่มภัยจากช้างป่าเข้ามาด้วย
สำหรับวงเงินความคุ้มครอง ภัยธรรมชาติ 7 ภัย อาทิ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยช้างป่า ระดับ Tier1 ประกันอยู่ที่ 1,260 บาท/ไร่ ระดับ Tier2 อยู่ที่ 240 บาท/ไร่ รวมไม่เกิน 1,500 บาท/ไร่
ส่วนภัยศัตรูพืช หรือ โรคระบาด Tier 1 จะอยู่ที่ 630 บาท/ไร่ Tier2 อยู่ที่ 120 บาท/ไร่ รวม 750 บาท/ไร่ สำหรับวันเริ่มความคุ้มครองนั้น เกษตรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. (กลุ่ม Tier1) ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อทั้งหมดในการเพาะปลูก เริ่มตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติเห็นชอบโครงการ ฯ ทั้งนี้ หากประสงค์เอาประกันภัยเพิ่มในกลุ่ม Tier 2 จะเริ่มตั้งแต่วันที่เกษตรกรขอเอาประกันภัย
ส่วนเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ซึ่งได้รับการอนุมัติสินเชื่อบางส่วนและประสงค์จะเอาประกันภัยเพิ่มเติม โดยรับภาระค่าเบี้ยประกันเอง ทั้งในกลุ่ม Tier 1 และ Tier 2 เริ่มตั้งแต่วันที่เกษตรกรขอเอาประกันภัย ขณะที่ กลุ่มเกษตรกรทั่วไปเริ่มตั้งแต่วันที่เกษตรกรขอเอาประกันภัย
นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบโครงการการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีการผลิต 2562 ใช้วงเงิน 121 ล้านบาท รองรับโครงการโดยให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้ดำเนินการ และใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการประกันภัยข้าวนาปี จ่ายเบี้ยประกัน 64.20 บาทต่อไร่ รัฐบาลช่วยอุดหนุน 40.60 บาทต่อไร่ โดย ธ.ก.ส. ชดเชยให้ลุกค้า 23.60 บาทต่อไร่ หากประสบปัญหา 7 ภัยธรรมชาติ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,740 บาทต่อไร่ และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาดจากได้รับ 870 บาทต่อไร่
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต 2561 ภายใต้วงเงินงบประมาณ 1,740.60 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ในปีการผลิต 2561 จำนวน 164.25 ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายแทนรัฐบาลไปก่อน และรัฐบาลจัดค่าชดเชยต้นทุนเงินให้ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) บวกร้อยละ 1 จำนวน 1,576.35 ล้านบาท
สำหรับปีนี้แบ่งพื้นที่การรับประกันภัยเป็น 2 ระดับ คือ Tier 1 (เทียร์) และ Tier 2 โดย Tier1 เป็นการรับประกันภัยขั้นพื้นฐาน พื้นที่เป้าหมายไม่เกิน 30 ล้านไร่ แบ่งเป็น กลุ่มเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ไม่เกิน 28 ล้านไร่ และกลุ่มเกษตรกรทั่วไปไม่เกิน 2 ล้านไร่ ส่วน Tier 2 เป็นการรับประกันภัยร่วมจ่ายโดยสมัครใจ พื้นที่ไม่เกิน 5 ล้านไร่ ส่วนอัตราค่าเบี้ยประกันภัย กรณี Tier1 อัตราเท่ากันทุกพื้นที่ 85 บาท/ไร่ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) โดยรัฐบาลอุดหนุน 51 บาท และ ธ.ก.ส. อุดหนุน 34 บาท 92.02 บาท/ไร่ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) กลุ่ม (1) รัฐบาลอุดหนุน 58.02 บาท ธ.ก.ส. อุดหนุน 34 บาท กลุ่มที่ (2) รัฐบาลอุดหนุน 58.02 บาท เกษตรกรจ่ายเองอีก 34 บาท
ส่วน Tier 2 กลุ่ม (1) และ (2) จ่ายเพิ่มจาก Tier1 ในอัตราที่แตกต่างกันตามความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ 6.42 บาท/ไร่ ความเสี่ยงปานกลาง 17.12 บาท/ไร่ ความเสี่ยงสูง 27.82 บาท/ไร่ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) นอกจากภัยน้ำท่วม หรือ ฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ ภัยศัตรูพืชและโรคระบาด ได้เพิ่มภัยจากช้างป่าเข้ามาด้วย
สำหรับวงเงินความคุ้มครอง ภัยธรรมชาติ 7 ภัย อาทิ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยช้างป่า ระดับ Tier1 ประกันอยู่ที่ 1,260 บาท/ไร่ ระดับ Tier2 อยู่ที่ 240 บาท/ไร่ รวมไม่เกิน 1,500 บาท/ไร่
ส่วนภัยศัตรูพืช หรือ โรคระบาด Tier 1 จะอยู่ที่ 630 บาท/ไร่ Tier2 อยู่ที่ 120 บาท/ไร่ รวม 750 บาท/ไร่ สำหรับวันเริ่มความคุ้มครองนั้น เกษตรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. (กลุ่ม Tier1) ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อทั้งหมดในการเพาะปลูก เริ่มตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติเห็นชอบโครงการ ฯ ทั้งนี้ หากประสงค์เอาประกันภัยเพิ่มในกลุ่ม Tier 2 จะเริ่มตั้งแต่วันที่เกษตรกรขอเอาประกันภัย
ส่วนเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ซึ่งได้รับการอนุมัติสินเชื่อบางส่วนและประสงค์จะเอาประกันภัยเพิ่มเติม โดยรับภาระค่าเบี้ยประกันเอง ทั้งในกลุ่ม Tier 1 และ Tier 2 เริ่มตั้งแต่วันที่เกษตรกรขอเอาประกันภัย ขณะที่ กลุ่มเกษตรกรทั่วไปเริ่มตั้งแต่วันที่เกษตรกรขอเอาประกันภัย
นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบโครงการการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีการผลิต 2562 ใช้วงเงิน 121 ล้านบาท รองรับโครงการโดยให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้ดำเนินการ และใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการประกันภัยข้าวนาปี จ่ายเบี้ยประกัน 64.20 บาทต่อไร่ รัฐบาลช่วยอุดหนุน 40.60 บาทต่อไร่ โดย ธ.ก.ส. ชดเชยให้ลุกค้า 23.60 บาทต่อไร่ หากประสบปัญหา 7 ภัยธรรมชาติ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,740 บาทต่อไร่ และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาดจากได้รับ 870 บาทต่อไร่
