"GPSC" แกร่ง! หลังซื้อ "โรงไฟฟ้า"

27 ม.ค. 2562 | 05:35 น.
จับตา GPSC ควบรวม GLOW หลังรอขาย SPP1 เผยมี 5 ราย รอประมูล คาดดันมาร์เก็ตแคปเพิ่มแตะ 2.14 แสนล้านบาท รายได้และกำไรโตก้าวกระโดด

ในช่วงกลางปี 2561 เกิดความคึกคักในวงการตลาดทุนและพลังงาน เมื่อมีประเด็นว่า บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) จะเข้าซื้อกิจการของ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) โดยในช่วงแรกทั้ง 2 บริษัท ยังคงปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว และให้เหตุผลว่า ยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ออกมาแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า จะเข้าซื้อหุ้น GLOW จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,010,976,033 หุ้น หรือ 69.11% ในราคาหุ้นละ 96.50 บาท

แต่หลังจากนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กลับมีมติเอกฉันท์ไม่อนุมัติให้ GPSC ซื้อกิจการ GLOW เนื่องจากอาจขัดข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 เรื่องการส่งเสริมการแข่งขัน ทำให้ GPSC ต้องยื่นอุทธรณ์ และได้กลับมาเริ่มดำเนินการซื้อขายอีกครั้ง หลังจาก กกพ. มีมติเห็นชอบในหลักการให้ควบรวมกิจการ โดยมีเงื่อนไขให้ GLOW ขายกิจการบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด (บจก.) ให้แล้วเสร็จก่อน หรือเวลาเดียวกับการควบรวม พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองกลุ่มลูกค้าผู้ซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มธุรกิจโกลว์ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล


MP18-3439-A

อย่างไรก็ตาม การซื้อขายกิจการ บจก.โกลว์ เอสพีพี 1 แหล่งข่าวระบุว่า มีผู้ประกอบกิจการไฟฟ้าประมาณ 5 ราย ที่ให้ความสนใจและยื่นเสนอเข้ามาแล้ว คือ บมจ.บีซีพีจี (BCPG), บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP), บมจ.บี.กริม เพาเวอร์, บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) และ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในต้นปี 2562

สำหรับประโยชน์ที่ GPSC จะได้รับหลังจากควบรวมกิจการกับ GLOW คือ เพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) จากปัจจุบันอยู่ที่ 82,406.54 ล้านบาท เมื่อรวมกับ GLOW ที่อยู่ที่ 130,926.42 ล้านบาท จะทำให้มาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นเป็น 213,367.08 ล้านบาท ถือว่าก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ และจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศ รวมถึงสถาบันในประเทศ มีความสนใจลงทุนมากขึ้น ขณะเดียวกันจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,940 เมกะวัตต์ เป็น 4,835 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ความสามารถในการทำรายได้และกำไรในระยะยาวจะมีมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน GPSC ยังมีการเติบโตที่ไม่มากนัก จากการพึ่งพิงแต่ธุรกิจขายไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งการควบรวมกับ GLOW จะช่วยให้มีกำลังการผลิตที่มากขึ้น สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งต้องปรับธุรกิจใหม่เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล ซึ่ง GLOW ถือว่าเป็นบริษัทที่มีจุดเด่นในด้านการดำเนินงาน โดยเฉพาะการทำกำไรที่ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอสวิคเคอร์สฯ ระบุว่า GPSC จะมีการเติบโตของกำไรปี 2562-2563 แข็งแกร่ง คาดกำไรสุทธิจะเติบโต 17-24% จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้า Nam Lik ใน สปป.ลาว ช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ ขนาด 63.8 เมกะวัตต์ สัญญาขายไฟฟ้า 30 ปี, โรงไฟฟ้าระยอง CUP4 ในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ ขนาด 45 เมกะวัตต์ และไอนํ้า 70 ตันต่อชั่วโมง และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ใน สปป.ลาว เดือน ต.ค. ขนาด 1,330 เมกะวัตต์ และ EDL 60 เมกะวัตต์

ขณะที่ การซื้อ GLOW คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้านี้ โดยขณะนี้ได้เสนอแผนแก้ไขข้อจำกัดในการซื้อกิจการเรื่องการลดการแข่งขันในพื้นที่มาบตาพุด ด้วยการให้ GLOW ขายโรงไฟฟ้า Glow SPP 1 ออกให้กับผู้ประกอบการอีกรายในช่วงเวลา หรือก่อนที่ GPSC จะซื้อกิจการ GLOW เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวมีผู้ประกอบการมากกว่า 1 ราย หลัง GPSC ซื้อ GLOW ในทางตรงและทางอ้อม 69.11% และทำเทนเดอร์ฯ ส่วนที่เหลือทั้งหมดแล้ว ที่ราคาหุ้นละ 96.50 บาท ซึ่งรอการพิจารณาจาก กกพ. และบริษัทคาดว่าจะได้รับอนุมัติ สำหรับมูลค่าดีลอยู่ที่ประมาณ 97,559 ล้านบาท แหล่งที่มาเงินทุนจะมีทั้งการกู้ยืม ออกหุ้นกู้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานบริษัท และการเพิ่มทุน คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2663

โบรกเกอร์ 5 ราย แนะนำ "ซื้อ" GPSC ขณะที่ โบรกเกอร์ 3 ราย แนะนำ "ถือ" ไม่มีโบรกเกอร์แนะ "ขาย" โดยโบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสม GPSC เฉลี่ย 69.03 บาท

หน้า  17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,439 วันที่ 27-30 ม.ค. 2562

595959859