GPSC คว้างานโรงไฟฟ้าของไทยออยล์ 250 เมกะวัตต์

22 ม.ค. 2562 | 08:55 น.
GPSC คว้างานโรงไฟฟ้าของไทยออยล์ 250 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ GPSC มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 1,955 เมกะวัตต์

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ GPSC ได้มีมติเห็นชอบแผนการลงทุนในหน่วยผลิตไฟฟ้า (Energy Recovery Unit : ERU) กำลังผลิตไฟฟ้า 250 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 175 ตันต่อชั่วโมง ให้กับโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าลงทุน 757 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

 

[caption id="attachment_378032" align="aligncenter" width="503"] ชวลิต ทิพพาวนิช ชวลิต ทิพพาวนิช[/caption]

"โครงการ CFP ของไทยออยล์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และขยายกำลังการกลั่นน้ำมันเป็นระดับ 4 แสนบาร์เรล/วัน และในโครงการนี้ ERU เป็นหน่วยผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ซึ่งจะใช้กากน้ำมันที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ของโครงการ CFP เป็นเชื้อเพลิงในการผลิต เพื่อลดภาระการลงทุนโครงการ CFP ไทยออยล์จึงจัดหาผู้ลงทุนแทนการลงทุนจัดสร้างเองทั้งหมด ซึ่ง GPSC ได้รับความไว้วางใจในการพัฒนาโครงการ ERU มาตั้งแต่โครงการ CFP ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาออกแบบ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจสาธารณูปโภค โดยการลงทุนโครงการ ERU ในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสการสร้างการเติบโตในธุรกิจจากเชื้อเพลิงในรูปแบบที่แตกต่างออกไป" นายชวลิต กล่าว

การพัฒนาหน่วยผลิตไฟฟ้า หรือ ERU ดังกล่าว GPSC จะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่ GPSC ถือหุ้น 100% ส่วนพื้นที่ตั้ง ERU จะเป็นสัญญาเช่าช่วงจากไทยออยล์และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างหลังมีการลงนามในสัญญา โดยก่อสร้างจะใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 58 เดือน หรือคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ซึ่งแผนลงทุนครั้งนี้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในการเติบโตไปพร้อมกับกลุ่ม ปตท. สร้างโอกาสการต่อยอดธุรกิจการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงแตกต่างไปจากเดิม เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานในอนาคต

สำหรับแผนการลงทุนครั้งนี้ จะทำให้ GPSC มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 1,955 เมกะวัตต์ ไอน้ำรวมประมาณ 1,585 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งในปี 2562 GPSC มีแผนเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ได้แก่ โรงไฟฟ้าน้ำลิก 1 (NL1PC) ขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ รวมทั้งโรงผลิตสาธารณูปการระยอง แห่งที่ 4 กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง และโรงผลิตสาธารณูปโภค 3 (CUP-3) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) โรงไฟฟ้าประเภทพลังงานระบบโคเจนเนอเรชั่น ขนาดกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับให้แล้วเสร็จในปีนี้ สำหรับปี 2563 มีโครงการส่วนต่อขยายของโรงไฟฟ้านวนคร (NNEG) กำลังผลิต 60 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง ที่จะพร้อมเริ่มจ่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าได้ ซึ่งขณะนี้ทุกโครงการมีความคืบหน้าในการพัฒนา และมั่นใจว่าสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

595959859