ของบกลางอีก 900 ล้าน! ตั้งกองทุนเยียวยาผลกระทบ
สกพอ. ชงบอร์ดอีอีซี ตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาพื้นที่ ดึง 'คณิศ' นั่งเป็นประธาน สั่งจ่ายเงินพัฒนา 11 ด้าน พร้อมขออนุมัติงบกลางปี 2562 เพิ่มอีก 900 ล้านบาท ประเดิมตั้งต้น หลังจากจัดสรรมาแล้ว 100 ล้านบาท
ภายใต้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ พ.ร.บ.อีอีซี ได้กำหนดให้มีการตั้งกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกขึ้นมา เพื่อเป็นกองทุนสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ ชุมชน และประชาชนที่อยู่ภายใน หรือ ที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
โดยได้กำหนดงบประมาณเบื้องต้น จำนวน 1,000 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและชุมชน และช่วยเหลือหรือเยียวยาประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการพัฒนาในอีอีซี รวมทั้งใช้ในการสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษา หรือ ให้ทุนการศึกษาแก่ประชาชนที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นเป็นสำคัญ ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 ได้มีการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวแล้ว จำนวน 100 ล้านบาท และกำลังอยู่ระหว่างขอจัดสรรงบกลางปีเพิ่มอีก 900 ล้านบาท เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานกองทุนและมีคณะกรรมการบริหารกองทุนขึ้นมาดำเนินงาน
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทาง สกพอ. จะทำเรื่องถึงคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 23 ม.ค. 2562 เพื่อพิจารณาเห็นชอบร่าง กพอ.ว่าด้วยกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อใช้เป็นระเบียบการบริหารกองทุน การรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษา โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการบริหารขึ้นมา มี นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ กพอ. เป็นประธาน
[caption id="attachment_371708" align="aligncenter" width="503"]
คณิศ แสงสุพรรณ[/caption]
โดยมีอำนาจหน้าที่ เช่น การกำกับดูแลการจัดสรรเงินกองทุน การสำรองเงิน การใช้จ่ายเงินและดำเนินการของกองทุนให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้กำหนดที่มาซึ่งรายได้ของกองทุน และการนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุนไว้ 11 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต สุขภาพ และสุขภาวะ 2.ด้านการพัฒนาอาชีพ 3.ด้านการพัฒนาการเกษตร 4.ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 5.ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต 6.ด้านการพัฒนาการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีท้องถิ่น 7.ด้านการพัฒนาชุมชน 8.ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม 9.ด้านการใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินและช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากเดือดร้อน 10.ด้านการพัฒนาศักยภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน และ 11.โครงการและแผนงานอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชน
ทั้งนี้ แหล่งที่มาของรายได้ระยะเริ่มต้นนี้ ทางรัฐบาลได้จัดสรรงบมาให้แล้ว 100 ล้านบาท และในการประชุมของ กพอ. จะขออนุมัติงบกลางประจำปี 2562 อีก 900 ล้านบาท เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานของกองทุน ส่วนในระยะต่อไป ที่มาของรายได้จะมาจากเงินบำรุงจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษและกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เงินสมทบจากรายได้ของ สกพอ. ตามมาตรา 24 วรรค 2 ซึ่งเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือ ผลประโยชน์ที่ได้มาจากการลงทุนการประกอบกิจการ เช่น ค่าเช่าที่ดิน ค่าธรรมเนียมจัดประโยชน์ ส่วนแบ่งรายได้จากการดำเนินโครงการ ค่าบริการในการจัดตั้งเขตส่งเสริมพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรม เป็นต้น
หน้า 5 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,434 ระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม 2562
ภายใต้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ พ.ร.บ.อีอีซี ได้กำหนดให้มีการตั้งกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกขึ้นมา เพื่อเป็นกองทุนสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ ชุมชน และประชาชนที่อยู่ภายใน หรือ ที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
โดยได้กำหนดงบประมาณเบื้องต้น จำนวน 1,000 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและชุมชน และช่วยเหลือหรือเยียวยาประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการพัฒนาในอีอีซี รวมทั้งใช้ในการสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษา หรือ ให้ทุนการศึกษาแก่ประชาชนที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นเป็นสำคัญ ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 ได้มีการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวแล้ว จำนวน 100 ล้านบาท และกำลังอยู่ระหว่างขอจัดสรรงบกลางปีเพิ่มอีก 900 ล้านบาท เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานกองทุนและมีคณะกรรมการบริหารกองทุนขึ้นมาดำเนินงาน
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทาง สกพอ. จะทำเรื่องถึงคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 23 ม.ค. 2562 เพื่อพิจารณาเห็นชอบร่าง กพอ.ว่าด้วยกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อใช้เป็นระเบียบการบริหารกองทุน การรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษา โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการบริหารขึ้นมา มี นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ กพอ. เป็นประธาน
[caption id="attachment_371708" align="aligncenter" width="503"]
โดยมีอำนาจหน้าที่ เช่น การกำกับดูแลการจัดสรรเงินกองทุน การสำรองเงิน การใช้จ่ายเงินและดำเนินการของกองทุนให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้กำหนดที่มาซึ่งรายได้ของกองทุน และการนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุนไว้ 11 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต สุขภาพ และสุขภาวะ 2.ด้านการพัฒนาอาชีพ 3.ด้านการพัฒนาการเกษตร 4.ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 5.ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต 6.ด้านการพัฒนาการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีท้องถิ่น 7.ด้านการพัฒนาชุมชน 8.ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม 9.ด้านการใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินและช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากเดือดร้อน 10.ด้านการพัฒนาศักยภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน และ 11.โครงการและแผนงานอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชน
ทั้งนี้ แหล่งที่มาของรายได้ระยะเริ่มต้นนี้ ทางรัฐบาลได้จัดสรรงบมาให้แล้ว 100 ล้านบาท และในการประชุมของ กพอ. จะขออนุมัติงบกลางประจำปี 2562 อีก 900 ล้านบาท เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานของกองทุน ส่วนในระยะต่อไป ที่มาของรายได้จะมาจากเงินบำรุงจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษและกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เงินสมทบจากรายได้ของ สกพอ. ตามมาตรา 24 วรรค 2 ซึ่งเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือ ผลประโยชน์ที่ได้มาจากการลงทุนการประกอบกิจการ เช่น ค่าเช่าที่ดิน ค่าธรรมเนียมจัดประโยชน์ ส่วนแบ่งรายได้จากการดำเนินโครงการ ค่าบริการในการจัดตั้งเขตส่งเสริมพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรม เป็นต้น
หน้า 5 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,434 ระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม 2562
