ทางออกนอกตำรา : ไทยแลนด์ทำตลาดแตก ขาใหญ่ ‘Top10โลก’ พึ่บพั่บ

05 ม.ค. 2562 | 16:07 น.
ตลาดแตก-003
เปิดศักราช 2562 บรรดากูรูต่างว่าปีนี้จะเป็น “ปีหมูเขี้ยวตัน” มิใช่เป็น “หมูทอง” ให้ใครๆได้ชื่นสะดือจุ่นกัน

อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ท่านบอกว่าในปี 2562 ไทยต้องเผชิญกับผลกระทบสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น และรอบนี้ไม่เฉพาะจีน-สหรัฐฯ และหลายประเทศจะกระเทือนไปด้วยการพลิกกลยุทธ์ทางด้านการค้า การขายด้วยกัน ดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น เงินทุนจะไหลออกมากขึ้น และผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นก็เป็นตัววัดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

เมื่อผมได้พูดคุยกับผู้บริหารและกรรมการของธนาคารทหารไทย ท่านบอกว่า เศรษฐกิจปีที่แล้วใครบอกว่าไม่ดีไม่ได้ เพราะดัชนีหลายตัวดีมาก การบริโภคที่คนบอกว่าตึงกลับขยายตัวขึ้น 5-6% ภาคการท่องเที่ยวที่บอกว่าจีนหายไปกลับน้อยกว่าที่คิด

แต่ปีกุนหมูนี้ให้ตั้งการ์ดรับให้ดี การบริโภคภาคเอกชนน่าจะชะลอตัวลงจากปีที่แล้ว แม้ว่าช่วงการเลือกตั้งจะทำให้เงินสะพัด และการที่รัฐบาลพยายามอัดเงินลงใส่มือคนจนในรูปแบบสวัสดิการแห่งรัฐอย่างเต็มที่ แต่เชื่อว่าจะเฉาลง

[caption id="attachment_370692" align="aligncenter" width="503"] อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์[/caption]

แต่ที่น่าห่วงคือภาคอสังหาริมทรัพย์ การซื้อคอนโดมิเนียมจากชาวต่างชาติน่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอ ซึ่งจะทำให้ความต้องการซื้อคอนโดฯจากชาวต่างชาติที่เคยเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 27% ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด โดยเฉพาะชาวจีนและฮ่องกงที่เข้ามาซื้อกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทจะลดลงจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกขาลง

ที่ต้องระวังอีกเรื่องคือ เรื่องสภาพคล่องในตลาดการเงิน เงินทุนเคลื่อนย้ายให้ดูให้ดี เพราะปีนี้จะเกิดการลดการซื้อสินทรัพย์อย่างรุนแรงของ FED ECB และ BOJ ที่เคยอัดฉีดเงินเข้าระบบแต่จะมีการดูดเงินกลับ ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น จึงมีโอกาสที่เงินทุนจะไหลกลับไปยังตลาดบอนด์สหรัฐ ทำให้พันธบัตรรัฐบาลไทย ดอกเบี้ยสูงขึ้นไปด้วย

เราไม่เกี่ยว ไม่สนใจไม่ได้ครับเพราะเงินฝรั่งมาซื้อพันธบัตรไทยอยู่ถึง 9.7 แสนล้านบาท คิดเป็น 12% ของพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยเชียวครับ...เรื่องต้นทุนดอกเบี้ย และสภาพคล่องนั้นกระเทือนไปทุกอณูเชียวล่ะครับ

นั่นคือ คำเตือนภัยจากบรรดาผู้รู้ที่ผมนำมาฉายภาพให้คนไทยได้เห็นและหาทางรับมือกับมัน ผมเชื่อว่าด้วยสติปัญญาของทุกท่าน ถ้าเรารู้เหตุ เรารับมือได้

ในทางธรรมบอกเราชัดว่า...เหตุปัจจะโย แปลว่า เหตุเป็นปัจจัย ทุกอย่างต้องมีเหตุที่เกิดขึ้น เมื่อเรารู้เหตุเราก็ทราบผลได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเราก็หาทางรับมือ แก้ไขได้ทันท่วงที

ในท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจที่รุมเร้าในประเทศเรา ยังมีข่าวดีที่เป็นโอกาสอยู่...

เพราะในสถานการณ์จริงขณะนี้ไทยแลนด์กลายเป็นดินแดนของการลงทุนโลกไปแล้ว ไทยแลนด์กลายเป็นดินแดนที่ทำมาหากินของบรรดาทุนใหญ่ของโลกที่ตบเท้าเข้ามากันพึ่บพั่บ มากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 30 ปี...นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น

[caption id="attachment_370659" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

นักลงทุนรายใหญ่ติด Top 10 ของโลกมาเดินขวักไขว่ในเมืองไทยนี่แหละครับ แต่เราไม่รู้...รู้แต่สิ่งที่นักเลือกตั้งบอกว่า อยากเลือกตั้งๆ ไม่เลือกตั้งประเทศจะตาย...ทั้งๆที่คนจะตายก็คือนักการเมืองที่อาศัยเสียงจากประชาชนไปทำมาหากินนั่นแหละที่ตาย แต่คนที่ทำมาหากิน ไม่มีตาย...นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น

ตัวอย่างที่ชัดว่ายักษ์ใหญ่มาเมืองไทยชัดสุดคืออุตสาหกรรมการบิน เชื่อหรือไม่ปีที่ผ่านมามียักษ์ใหญ่ด้านการให้บริการบำรุงรักษา ซ่อมเครื่องบินและอากาศยาน มาจดทะเบียนตั้งบริษัทในไทย 12 ราย บริษัท เรวีม่า กรุ๊ป เอสเอเอส สัญชาติฝรั่งเศส ผู้ให้บริการซ่อมบำรุงอากาศยานรายใหญ่ สัญชาติฝรั่งเศส มีรายได้มากกว่า 300 ล้านยูโร ตั้งบริษัท เรวีม่า เอเชีย แปซิฟิค จำกัดในไทย

บริษัท โบซา-ธายานน์ แอร์คราฟท์ เซอร์วิส จำกัด ของ โรนัลด์ ดาวี บริกเก็ต ยักษ์ใหญ่ของอเมริกามาไทย

607ab303dedc01a8fca241daaae87681 บริษัท พีที แอโรสเปซ เทคนิคส์ ประเทศสิงคโปร์ ก็มาตั้งบริษัทถือหุ้นกับคนไทยในตระกูล กัลยาวัฒนเจริญ กลุ่มทีพี แอโรสเปซ กรุ๊ป มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก มีเครือข่ายที่ดำเนินกิจการในอุตสาหกรรมการบิน สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และออสเตรเลีย เป็นผู้ให้บริการล้อหลังและเบรกชั้นนำในการบินเชิงพาณิชย์

พวกนี้มาเดินขวักไขว่ตามพัทยาอู่ตะเภา และสุวรรณภูมิ เต็มไปหมด...

อีกพวกหนึ่งคือผู้ขนส่งสินค้าทางเรือ เมื่อไทยเปิดประมูลโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเรือ F รวมมูลค่าการลงทุนราว 8.4 หมื่นล้านบาท ภาครัฐลงทุน 5.34 หมื่นล้านบาท เอกชน 3.08 หมื่นล้านบาท ปรากฏว่ายักษ์ใหญ่สายการเดินเรือและบริหารท่าเรือของโลก ทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง เบลเยี่ยม อัมสเตอร์ดัม ฯลฯ มาชุมนุมกันในประเทศไทยถึง 32 ราย ในจำนวนนั้นมี 17-18 รายที่บริหารท่าเรืออยู่ 18 แห่งทั่วโลก

นี่ผมไม่พูดถึง ลี กาชิง ผู้ยิ่งใหญ่ในนามฮัทชิสัน ที่ปัจจุบันมาบริหารท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในไทยอยู่ 6 ท่าเรือที่ขอจองคิว

อย่าว่าแต่บรรดานักลงทุนเลยที่คึกคัก นักการเงินบ้านเราก็คึกคัก เพราะนี่คือโอกาสของการปล่อยเงินกู้ก้อนโตระยะยาว บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็มาเดินเล่นกันตามโรงแรมใหญ่เต็มไปหมด เพราะนี่คือโอกาสในการรับจ้างให้คำปรึกษาด้านต่างๆ

ล่าสุดต้นปีผมมีโอกาสตามผู้บริหารธนาคารแห่งหนึ่งไปทานอาหารกัน เชื่อมั้ยทุนฝรั่ง ทุนจีน ทุนญี่ปุ่น เขาพูดอยู่เรื่องเดียวกันคือ ไทยได้เปิดศักราชการลงทุนที่ครบวงจรมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมากที่สุดในกลุ่มประเทศยุโรป ใครตกขบวนการประมูลในโครงการลงทุนของรัฐบาลไทย “ต้องผอมโซไปอีกนาน” เพราะเมื่อมีการประมูลโครงการหมายถึงเครื่องจักร อุปกรณ์ เทคโนโลยี ระบบงานที่จะซัพพลายอีกบานตะเกียง
ผมเห็นพวกเขาพูดถึงเรื่อง “อย่าร่นระยะเวลาในการประมูล” กันมากกว่า “อย่าร่นระยะเวลาในการเลือกตั้ง” เสียอีก

[caption id="attachment_370693" align="aligncenter" width="650"] อาคม เติมพิทยาไพสิฐ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ[/caption]

ยิ่งล่าสุดเมื่อ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาบอกว่า กำลังเร่งการประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ ให้ได้ในไตรมาส1/62 วงเงินกว่า 4 แสนล้านบาท ไล่จากอาณัติสัญญาณทางคู่ 1.1 หมื่นล้านบาท รถไฟไทย-จีน อีก 12 สัญญา ทางยกระดับพระราม 2 อีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี - ปากท่อ ช่วง บางขุนเทียน-มหาชัยก่อน ระยะทางประมาณ 10 กม. งบประมาณ 10,500 ล้านบาท และโครงการ ติดตั้งระบบ จัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษาโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา 33,258 ล้านบาท และทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 (สายบางใหญ่-กาญจนบุรี) 27,828 ล้านบาท

โครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) 3 เส้นทาง ได้แก่ สายสีแดงเข้มช่วงรังสิต-มธ.รังสิต ระยะทาง 8.9 กม.วงเงิน 6,570.40 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 19.7 กม. วงเงิน 17,671.61 ล้านบาท

ผมเชื่อว่าตลาดแตก...ครับ...ต่อไปเราคงไม่อยากรู้เพียงแค่ใครได้งาน แต่ต้องติดตามกันว่า แล้วใครจะสั่งซื้อของจากใคร สินค้าที่จะเข้าถึงได้เป็นกลุ่มไหน จึงจะมองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจครับ....

| คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา
|โดย : บากบั่น บุญเลิศ
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3433 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 6-9 ม.ค.2562
595959859