ส่งออกข้าวโลก ปี 62 แข่งเดือด! ไทย-เทศเปิดศึกชิงตลาด 49 ล้านตัน

03 ม.ค. 2562 | 09:08 น.
พาณิชย์ชี้! "ข้าวโลก" ปี 62 แข่งเดือด ชิงตลาดส่งออก 49 ล้านตัน คาดไทยได้ส่วนแบ่ง 11 ล้านตัน ผวาจีนเทสต๊อกดัมพ์ตลาด อินเดีย-เวียดนามคู่แข่งแย่งตลาด ทำไปไม่ถึงฝั่งฝัน

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า สนค. ได้จัดทำสรุปการวิเคราะห์ เรื่อง World Agricultural Production Supply and Demand Estimates และ Grain : World Markets and Trade ของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture : USDA) ฉบับเดือน พ.ย. 2561 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

สถานการณ์การผลิตข้าวปีการผลิต 2561/2562 คาดว่า โลกจะมีการผลิตข้าวทั้งหมด 490.7 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2560/2561 ที่มีปริมาณการผลิต 494.31ล้านตันข้าวสาร หรือลดลง 0.7% ประเทศที่มีปริมาณผลผลิตข้าวสูงสุด ได้แก่ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ตามลำดับ สำหรับไทยมีเนื้อที่เพาะปลูก 69.62 ล้านไร่ ปริมาณผลผลิต 21.2 ล้านตันข้าวสาร ทั้งนี้ ปริมาณเนื้อที่และผลผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า


พิมพ์ชนก

ส่วนสถานการณ์การตลาดข้าวโลก สต๊อกต้นปีจะมีปริมาณ 160.71 ล้านตันข้าวสาร ปริมาณการนำเข้า 46.32 ล้านตันข้าวสาร การใช้ในประเทศ 488.39 ล้านตันข้าวสาร ปริมาณการส่งออก 48.91 ล้านตันข้าวสาร และสต๊อกคงเหลือปลายปี 163.02 ล้านตันข้าวสาร และคาดว่า ไทยจะมีปริมาณสต๊อกต้นปี 2.99 ล้านตันข้าวสาร ปริมาณการนำเข้า 0.25 ล้านตันข้าวสาร การใช้ในประเทศ 10.2 ล้านตันข้าวสาร ปริมาณการส่งออก 11 ล้านตันข้าวสาร และสต๊อกคงเหลือปลายปี 3.24 ล้านตันข้าวสาร

ปีการผลิต 2561/2562 โลกจะมีปริมาณผลผลิตข้าวลดลง เนื่องจากคาดว่า จีนและอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีปริมาณผลผลิตข้าวสูง จะมีปริมาณผลผลิตลดลง อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมีสต๊อกข้าวคงเหลือปลายปีสูงถึง 109 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งหากนำข้าวในสต๊อกออกมาขายยังตลาดต่างประเทศ ก็จะเกิดผลกระทบกับการส่งออกข้าวของไทย โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกข้าวนึ่งของไทย ปัจจุบัน ผู้บริโภคสนใจบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ข้าวนึ่งเป็นหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยมีวิตามินบีและวิตามินอีสูงกว่าข้าวขาว ไทยซึ่งมีศักยภาพสูงในการผลิตข้าวนึ่ง จึงควรศึกษาพฤติกรรมการบริโภคในตลาดอื่น ๆ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวนึ่งให้มีคุณภาพและราคาที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง


A farmer harvests rice in a field on the outskirts of Zamboanga City, southern Philippines, October 3, 2007. The Philippines is optimistic it will hit its rice output growth goal of 5 percent this year, with production rising another 5.74 percent in 2008, helped by use of high-yielding seeds, a government official said this week. REUTERS/Stringer (PHILIPPINES)

ข้อมูลการวิเคราะห์ของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ในปี 2561/62 สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกข้าวอันดับ 2 ของไทย มีแนวโน้มนำเข้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ไทยยังคงมีความเสี่ยงที่จะถูกทดแทนด้วยข้าวจากประเทศคู่แข่งที่มีราคาต่ำกว่า ดังนั้น การเตรียมความพร้อมรับมือปัญหาด้านราคาของประเทศคู่แข่ง เช่น การประชาสัมพันธ์เอกลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทย รวมทั้งการเน้นย้ำความแตกต่างของคุณภาพให้กับผู้บริโภคในระดับโลก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันดำเนินการ รวมทั้งการพิจารณานำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ เช่น การนำบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในอาหารและแหล่งกำเนิดสินค้า การตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตร (Traceability) ก็อาจเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานและเพิ่มโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ส่งออกไทยในการส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศ


โรงสี

ปัจจุบัน อินเดียและเวียดนาม คู่แข่งการส่งออกข้าวสำคัญของไทยในตลาดโลก ได้พัฒนาศักยภาพในการผลิตและพัฒนาพันธุ์ข้าวที่หลากหลายและราคาที่ต่ำกว่าไทย แม้ว่าไทยจะเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวที่มีศักยภาพและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ไทยก็ยังต้องพัฒนาสายพันธุ์ข้าวและลดต้นทุนการผลิต เพื่อคงความสามารถในการแข่งขัน ขณะเดียวกัน ไทยก็สามารถเพิ่มหรือหาโอกาสการส่งออกข้าวที่มีราคาสูง สำหรับตลาด Niche เช่น ข้าวอินทรีย์และข้าวสีต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


เรือข้าว

นอกจากนี้ ภาครัฐควรใช้จุดแข็งของไทยในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร มาส่งเสริมการผลิต/พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามที่เพิ่มมูลค่าจากข้าว เช่น ครีม เครื่องสำอาง และอาหารเสริม ให้มีคุณภาพและมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรของไทยอย่างยั่งยืนด้วย

สำหรับในปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลด้านเศรษฐกิจการค้าของประเทศ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวทั้งในและต่างประเทศ ผ่านช่องทางการค้าปกติและช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็น โครงการ "Thai Rice Flagship Store" บนเว็บไซต์ Tmall.com โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, โครงการ "Rice Plus Award 2018" โดยกรมการค้าต่างประเทศ การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ข้าวไทย โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว