รางวัลคาร์ออฟเดอะเยียร์ (Car of the year) หรือรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของเมืองไทย ที่ผมเห็นทำเป็นเรื่องเป็นราวมี 2 เจ้าคือ “กรังด์ปรีซ์” สื่อยานยนต์ยักษ์ใหญ่ และเป็นผู้จัดงานบางกอกมอเตอร์โชว์ อันลือลั่น เพียงแต่บ้านนี้แบ่งรางวัลยิบย่อย ซอยละเอียด รวมๆแล้วปีที่ผ่านมาแจกไปเกือบ 80 คัน ซึ่งค่ายรถดังๆ ก็กระจายรางวัลกันไป
อีกรางวัลเป็นของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ที่จัดต่อเนื่องมา 4 ปี โดยให้ผู้สื่อข่าวที่มีประสบการณ์ในวงการยานยนต์มาร่วมตัดสิน และเลือกรถเพียงคันเดียวรุ่นเดียว อิงหลักเกณฑ์จากคาร์ออฟเดอะเยียร์ ญี่ปุ่นและยุโรป แต่มาปรับให้สอดคล้องกับบริบทของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
รางวัลนี้สมาคมใช้ชื่อภาษาไทยว่า “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี” โดยปีแรก 2015 เป็นของ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” จากนั้นปี 2016 “มาสด้า2” และปี 2017 “ฮอนด้า ซีอาร์-วี” ล่าสุด ปี 2018 ตกเป็นของ “โตโยต้า ซี-เอชอาร์”
นั่นเป็นเรื่องรางวัล “คาร์ออฟเดอะเยียร์” ของ 2 สถาบัน ที่ใช้หลักเกณฑ์การตัดสินแตกต่างกันไป ทว่ามีหนึ่งเป้าประสงค์ที่เหมือนกันแน่ๆ คือ ทำรางวัลเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ส่งเสริมให้พัฒนารถดีๆ มีความคุ้มค่าน่าใช้ออกมาสู่ตลาด ขณะเดียวกัน รางวัลยังเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการซื้อรถคันใหม่ของผู้บริโภคได้
ส่วน “ฐานยานยนต์” ที่ในรอบปี 2561 ได้ลองขับรถยนต์หลายรุ่น หลากเซ็กเมนต์ มี “คาร์ออฟเดอะเยียร์” ในใจเช่นกัน โดยตัดสินจากความชอบส่วนตัวของบรรณาธิการล้วนๆ บนข้อแม้เดียวคือต้องเป็นรถโมเดลใหม่เปิดตัวภายในปีนี้ และลองขับในปีนี้
อีโคคาร์โฉมใหม่ของซูซูกิ ทำตลาดต่อเนื่องเป็นเจเนอเรชันที่ 2 หลังโมเดลแรกประสบความสำเร็จ กรุยทางให้ธุรกิจรถยนต์นั่งของซูซูกิผงาดในตลาดรถยนต์เมืองไทย
สวิฟท์ โฉมใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECH มิติตัวถังยาว 3,840 มม. (ลดลง10 มม.) กว้าง 1,735 มม. (เพิ่มขึ้น 40 มม.) สูง 1,495 มม. (เตี้ยลง 15 มม.) ระยะฐานล้อ 2,450 มม.(เพิ่มขึ้น 20 มม.) นํ้าหนักรถโดยรวมหายไป 65-85 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
เครื่องยนต์เบนซินใหม่เปลี่ยนจากรหัส K12B เป็น K12M บล็อก 4 สูบ ขนาดลดลงจาก 1242 ซีซี เป็น 1197 ซีซี มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดีและไอเสีย เพิ่มระบบหัวฉีดคู่ “ดูอัลเจ็ต” ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร (กำลังลดลง) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT
สวิฟท์ โฉมใหม่ แบ่งขาย 4 รุ่นย่อย ราคา 4.99-6.29 แสนบาท
จุดเด่น...เป็นรถเล็กที่ช่วงล่างและการควบคุมยอดเยี่ยม พร้อมอัตราบริโภคนํ้ามันที่เป็นมิตร เห็นตัวเลข 16 กม./ลิตรสบายๆ
ครอสโอเวอร์สายพันธุ์ใหม่ของโตโยต้า พอเริ่มขายก็แปลกแหวกแนวด้วยการให้ผู้ที่สนใจจองสิทธิ์ซื้อตั้งแต่ปลายปี 2560 และมาเผยราคาช่วงต้นปี 2561 ก่อนจะมีรถพร้อมส่งมอบในเดือนมีนาคม
“ซี-เอชอาร์” แบ่งการขายเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ราคา 9.79 แสนบาท และ 1.039 ล้านบาท (รองรับแก๊สโซฮอล์ อี 85 เสียภาษีสรรพสามิต 20%) และไฮบริด เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ราคา 1.069 และ 1.159 ล้านบาท (รองรับแก๊สโซฮอล์ อี20 เสียภาษีสรรพสามิต 4% ตามการสนับสนุนของ BOI)
“ซี-เอชอาร์” พัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ช่วงล่างหลังแบบปีกนก 2 ชั้น และรุ่นไฮบริดย้ายชุดแพ็กแบตเตอรี่ให้ขยับเข้าไปอยู่ใต้เบาะนั่งของผู้โดยสารด้านหลัง (รถไฮบริดเดิมๆ จะวางอยู่ตรงพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง) เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระและช่วยให้รถมีสมดุลการขับขี่ดีขึ้น
ปีนี้ตลาดครอสโอเวอร์ หรือ “บีเอสยูวี”สู้กันดุเดือด ฮอนด้า ส่ง เอชอาร์-วี ไมเนอร์เชนจ์ เช่นเดียวกับ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 แข่งกันในกลุ่มราคา 9 แสน - 1.2 ล้านบาท ส่วนรุ่นที่ถูกกว่าและทำยอดขายได้ดีคือ เอ็มจี แซดเอส
ส่วนสมรรถนะการขับขี่ เมื่อเทียบกับบรรดาคู่แข่งที่กล่าวมา ส่วนตัวผมชอบ ซี-เอชอาร์ รุ่นไฮบริดมากที่สุด ทั้งช่วงล่าง การควบคุมที่หนึบนิ่ง ขุมพลังที่ได้มอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเสริม ส่งให้อัตราเร่งเนียนต่อเนื่อง ใช้ในเมืองคล่องแคล่วออกต่างจังหวัดขับสบายไม่เครียด เพียงแต่ความจุในการบรรทุกสัมภาระหรือการนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง อาจจะไม่กว้างขวางอย่างที่หลายคนคาดหวัง
จุดเด่น....ถ้าตัดประเด็นว่า ระบบไฮบริดและแบตเตอรี่แบบนิเกิลเมทัลไฮดราย คือทางผ่านเทคโนโลยี แล้วมามองกันที่สมรรถนะการขับขี่ล้วนๆ พร้อมออพชันกับราคาที่จ่ายไป “ซี-เอชอาร์ ไฮบริด” เป็นทางเลือกที่ดีในราคา 1 ล้านบาทต้นๆ
- บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์8 คูเป้
“ซีรีส์ 8” เป็นรถที่ถูกนำมาปัดฝุ่นทำตลาดอีกครั้ง โดยทิ้งระยะเวลาห่างจากโฉมเดิมเกือบ 20 ปี (ทำตลาดช่วงปี 1989-1999) บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ประเดิมนำเข้าตัวถังคูเป้ รุ่น M850i xDrive มาขายในราคา 12.999 ล้านบาท ซึ่งเราได้เห็นเส้นสายของความสวยงามในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ที่ผ่านมา
ก่อนการเปิดตัวในเมืองไทย ผมข้ามนํ้าผ่านทะเลไปลองขับรถยนต์รุ่นนี้ถึงประเทศโปรตุเกส มีโอกาสได้ตะบันเต็มๆบนแทรกในสนามแข่ง เอสโตริล และสัมผัสการขับขี่บนท้องถนนจริง จึงพบว่า“ซีรีส์ 8 คูเป้” ให้สมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ แต่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบาย
ด้วยตัวถังคูเป้ 2+2 ที่นั่ง รูปทรงสปอร์ตปราดเปรียว รถพื้นเตี้ยๆ แต่การเข้า-ออกในตำแหน่งเบาะคู่หน้าไม่ลำบากมาก ส่วนพื้นที่สำหรับผู้โดยสารหลังยังไม่ใช่จุดขาย อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบีเอ็มดับเบิลยู จะเพิ่มทางเลือกด้วยรุ่น แกรนด์ คูเป้ 4 ประตู และที่เปิดตัวให้เห็นแล้วคือรุ่นคอนเวอร์ติเบิล
เครื่องยนต์เบนซิน วี8 ขนาด 4.4 ลิตร ไดเร็กต์ อินเจ็กชัน เทอร์โบคู่ (TwinScroll turbo 2 ตัว) ให้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า ที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-4,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้แค่ 3.7 วินาที
การขับในสนามแข่งเอสโตริล ที่โปรตุเกส ด้วยโหมดสปอร์ต พลัส ใช้ความเร็วสูงๆแล้วเข้าโค้ง อาจสัมผัสได้ถึงอาการดิ้นเล็กๆ ในด้านท้าย (ระบบควบคุมการทรงตัว DSC ทำงานไม่เต็ม 100% เพื่อปล่อยให้คุณตื่นเต้นและมีความสนุกในการขับขี่บ้าง) แต่ก็ดึงกลับมาให้แบบไม่ขาดไม่เกิน พร้อมเสียงเครื่องยนต์วี 8 คำรามหวานๆ เสียงท่อไอเสียครวญครางดังๆ ในช่วงลากรอบยาวๆ และจังหวะเปลี่ยนเกียร์กระชากเล็กน้อย
M850i xDrive คันนี้ ยังมาพร้อม M carbon Package ชุดแต่งบนหลังคา สปอยเลอร์หลัง ครอบกระจก มองข้าง ดิฟฟิวเซอร์หลัง ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ส่วนช่วงล่างสามารถปรับระดับความหนืดได้ตามโหมดการขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 8 คูเป้ จะได้ฉายาว่าเป็น “ปอร์เช่ 911 คิลเลอร์” ไหม? ผมขอไปลองขับโฉมใหม่ 992 ในเดือนมกราคมปีหน้าก่อน แล้วจะให้คำตอบครับ
จุดเด่น...สมฐานะสปอร์ตคูเป้ตัวท็อปของบีเอ็มดับเบิลยู ขุมพลังแรงสะใจ แต่สมรรถนะรวมๆ ไม่ดิบเหมือนตระกูล M รถเครื่องยนต์วางหน้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขับได้ดุดันตามความต้องการ แต่ยังเหลือที่ว่างของอารมณ์ให้กับความนุ่มนวลไว้พอสมควร
โดย กรกิต กสิคุณ
หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,431 วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561 - 2 มกราคม พ.ศ. 2562