ครม.เห็นชอบตั้งงบปี 63 โครงการเกินพันล้านคมนาคม 31 โครงการ 5.7 หมื่นล้านบาท
ครม.เห็นชอบการอนุมัติจัดตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ของหน่วยงานคมนาคม โครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท จำนวน 31 โครงการ วงเงินรวม 57,597 ล้านบาท อนุมัติงบผูกพันเมกะโปรเจ็กต์ "กรมศุล-มหาดไทย" วงเงินรวม 16,000 ล้านบาท
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคมในวันนี้ได้อนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 สำหรับโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ของ 3 หน่วยงาน จำนวน 31 โครงการ วงเงินรวม 57,597 ล้านบาท โดยเสนอขอรับการจัดสรรในปี 2563 วงเงิน 11,519 ล้านบาท และเป็นการผูกพันงบประมาณปี 2564 และปี 2565 จำนวน 46,078 ล้านบาท
โดย 3 หน่วยงานดังกล่าว ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม จำนวน 1 โครงการ คือก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ บนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณย่านพหลโยธิน วงเงินรวม 3,710 ล้านบาท โดยปี 2563 ขอตั้งวงเงิน 740 ล้านบาท ปี 2564 วงเงิน 1,484 ล้านบาท และปี 2565 วงเงิน 1,486 ล้านบาท กรมท่าอากาศยาน 1 โครงการ คือการพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่ ให้เพียงพอรองรับผู้โดยสารและปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิม 10 เที่ยวบิน/ชั่วโมง เป็น 25 เที่ยวบิน/ ชั่วโมง วงเงินรวม 1,387 ล้านบาท โดยปี 2563 วงเงิน 277 ล้านบาท ปี 2564 วงเงิน 554 ล้านบาท และปี 2565 วงเงิน 21,000 ล้านบาท(รวมค่าก่อสร้าง)
กรมทางหลวง จำนวน 29 โครงการ วงเงินรวม 52,500 ล้านบาท ปี 2563 วงเงิน 10,500 ล้านบาท ปี 2564 วงเงิน 21,000 ล้านบาท และปี 2565 วงเงิน 21,000 ล้านบาท ได้แก่ แผนบูรณาการร่วมการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 โครงการ เพื่อพัฒนาโครงข่ายทางกลวงเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ยกระดับรายได้และกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค วงเงิน 1,306 ล้านบาท ได้แก่ โครงการขยาย 2 ช่องจราจรเป็น 4ช่องจราจรจำนวน 2 โครงการ และการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหนองคาย(ด้านตะวันออก)
แผนบูรณาการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 5 โครงการเพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และสนับสนุนท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 3 วงเงิน 1,874 ล้านบาท แผนบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาคต่างๆจำนวน 21 โครงการวงเงิน 7,320 ล้านบาท
“ทั้งนี้การเสนอขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 สำหรับงบประมาณโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องดำเนินการตามกฏหมายและมติครม.ได้แก่ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 มาตรา 26 บัญญัติไว้ให้ ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณ ให้หน่วยรับงบประมาณเสนอครม.พิจารณาอนุมัติก่อนที่จะมีการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และมติครม.เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ให้ส่วนราชการที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิม ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 เป็น ให้ส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2561 เพื่อนำเสนอครม.พิจารณาอนุมัติก่อนเสนอรายละเอียดคำของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณต่อไป”
ครม.อนุมัติงบผูกพันเมกะโปรเจ็กต์ "กรมศุล-มหาดไทย" วงเงินรวม 1.6 หมื่นล้าน
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 25 ธันวาคม 2561 มีอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณ เสนอเรื่องขอรับการาจัดสรรงบประมาณที่ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่า 1 ปี งบประมาณ สำหรับรายการางบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยวงานเสนอโครงการผ่านสำนักงบประมาณและส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อนำเข้าที่ประชุมครม.อนุมัติก่อนที่จะมีการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ซึ่งตามปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณ รายการดังกล่าวเสนอเรื่องมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2561
โดยโครงการที่เสนอเข้ามาให้ครม.พิจารณา อย่างน้อยวงเงินรวมกว่า 16,000 ล้านบาท ได้แก่ กรมศุลกากร เสนอโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ ตามโครงการระยะที่ 2 ถึง 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2567 วงเงิน 1,829,500,000 บาท ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาการบำรุงรักษาในวันที่ 30 กันยายน 2562 รวม 10 เครื่อง ส่วนกระทรวงมหาดไทย เสนอจำนวน 9 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการของ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1 โครงการ วงเงิน 1,862.476 ล้านบาท โครงการของกรุงเทพมหานคร 9 โครงการ วงเงินรวม 14,216 ล้านบาท
[caption id="attachment_366249" align="aligncenter" width="335"]
[/caption]
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคมในวันนี้ได้อนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 สำหรับโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ของ 3 หน่วยงาน จำนวน 31 โครงการ วงเงินรวม 57,597 ล้านบาท โดยเสนอขอรับการจัดสรรในปี 2563 วงเงิน 11,519 ล้านบาท และเป็นการผูกพันงบประมาณปี 2564 และปี 2565 จำนวน 46,078 ล้านบาท
โดย 3 หน่วยงานดังกล่าว ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม จำนวน 1 โครงการ คือก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ บนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณย่านพหลโยธิน วงเงินรวม 3,710 ล้านบาท โดยปี 2563 ขอตั้งวงเงิน 740 ล้านบาท ปี 2564 วงเงิน 1,484 ล้านบาท และปี 2565 วงเงิน 1,486 ล้านบาท กรมท่าอากาศยาน 1 โครงการ คือการพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่ ให้เพียงพอรองรับผู้โดยสารและปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิม 10 เที่ยวบิน/ชั่วโมง เป็น 25 เที่ยวบิน/ ชั่วโมง วงเงินรวม 1,387 ล้านบาท โดยปี 2563 วงเงิน 277 ล้านบาท ปี 2564 วงเงิน 554 ล้านบาท และปี 2565 วงเงิน 21,000 ล้านบาท(รวมค่าก่อสร้าง)
แผนบูรณาการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 5 โครงการเพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และสนับสนุนท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 3 วงเงิน 1,874 ล้านบาท แผนบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาคต่างๆจำนวน 21 โครงการวงเงิน 7,320 ล้านบาท
“ทั้งนี้การเสนอขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 สำหรับงบประมาณโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องดำเนินการตามกฏหมายและมติครม.ได้แก่ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 มาตรา 26 บัญญัติไว้ให้ ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณ ให้หน่วยรับงบประมาณเสนอครม.พิจารณาอนุมัติก่อนที่จะมีการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และมติครม.เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ให้ส่วนราชการที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิม ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 เป็น ให้ส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2561 เพื่อนำเสนอครม.พิจารณาอนุมัติก่อนเสนอรายละเอียดคำของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณต่อไป”
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 25 ธันวาคม 2561 มีอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณ เสนอเรื่องขอรับการาจัดสรรงบประมาณที่ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่า 1 ปี งบประมาณ สำหรับรายการางบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยวงานเสนอโครงการผ่านสำนักงบประมาณและส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อนำเข้าที่ประชุมครม.อนุมัติก่อนที่จะมีการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ซึ่งตามปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณ รายการดังกล่าวเสนอเรื่องมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2561
โดยโครงการที่เสนอเข้ามาให้ครม.พิจารณา อย่างน้อยวงเงินรวมกว่า 16,000 ล้านบาท ได้แก่ กรมศุลกากร เสนอโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ ตามโครงการระยะที่ 2 ถึง 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2567 วงเงิน 1,829,500,000 บาท ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาการบำรุงรักษาในวันที่ 30 กันยายน 2562 รวม 10 เครื่อง ส่วนกระทรวงมหาดไทย เสนอจำนวน 9 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการของ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1 โครงการ วงเงิน 1,862.476 ล้านบาท โครงการของกรุงเทพมหานคร 9 โครงการ วงเงินรวม 14,216 ล้านบาท
[caption id="attachment_366249" align="aligncenter" width="335"]
