แซมโซไนท์ทุ่มเงินคว้ากิจการทูมี่ พุ่งเป้าขยายตลาดกระเป๋าไฮเอนด์

11 มี.ค. 2559 | 09:00 น.
แซมโซไนท์ ผู้ผลิตกระเป๋าเดินทางรายใหญ่ที่สุดของโลก ทุ่ม 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อกิจการบริษัทกระเป๋า ทูมี่ หวังขยายฐานลูกค้าในตลาดระดับพรีเมียม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท แซมโซไนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ตกลงซื้อกิจการบริษัท ทูมี่ โฮลดิงส์ ด้วยมูลค่าประมาณ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยแซมโซไนท์จะจ่ายเงินสดเป็นมูลค่า 26.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น หรือกว่า 30% ของมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของทูมี่

ราเมช ทาอินวาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแซมโซไนท์ กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ทูมี่มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับยุทธศาสตร์ของบริษัท "ข้อตกลงซื้อกิจการในครั้งนี้นับเป็นการเปลี่ยนผ่านสำหรับแซมโซไนท์ มันจะเป็นการขยายธุรกิจของเราในเซ็กเมนต์พรีเมียมของตลาดกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าสำหรับนักธุรกิจและอุปกรณ์เสริมระดับโลกอย่างมีความหมาย"

ในอดีตที่ผ่านมา แซมโซไนท์ถือเป็นแบรนด์กระเป๋าที่นักธุรกิจทั่วโลกเลือกใช้ในการเดินทางมาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่ในช่วงหลังบริษัทเลือกที่จะเน้นการรุกตลาดในระดับที่ต่ำลงมามากขึ้น เพื่อจับกลุ่มตลาดระดับกลางที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในจีนและอินเดีย โดยแซมโซไนท์ได้เริ่มทำตลาดกระเป๋าเดินทางในระดับราคา 300-350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดเอเชียแทนกระเป๋าเดินทางระดับราคา 500-600 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การซื้อกิจการของทูมี่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแซมโซไนท์ในตลาดระดับบนมากขึ้น

ข้อตกลงในครั้งนี้เป็นหนึ่งในข้อตกลงควบรวมกิจการขนาดใหญ่ที่สุดของแซมโซไนท์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเน้นการขยายขนาดด้วยการควบรวมกิจการ อาทิ การซื้อกิจการของแบรนด์ อเมริกันทัวริสเตอร์ และลิปพัลต์ เป็นต้น

แซมโซไนท์ ซึ่งรายงานยอดขายตลอดทั้งปี 2558 ทำสถิติสูงสุด 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17% จากปี 2557 ก่อตั้งในเมืองเดนเวอร์ สหรัฐอเมริกา เมื่อกว่า 100 ปีก่อน ก่อนที่จะถูกซื้อขายผ่านมือหลายเจ้าของ จนกระทั่งบริษัททุนเอกชน ซีวีซี แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส จากยุโรป เข้ามาซื้อกิจการเมื่อปี 2550 และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงในปี 2554

ขณะเดียวกัน ทูมี่ก่อตั้งขึ้นในปี 2518 จำหน่ายกระเป๋าเอกสาร กระเป๋าเดินทาง และอุปกรณ์เสริม ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายอยู่ 2,000 จุดใน 75 ประเทศทั่วโลก ทูมี่รายงานผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขาย 548 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 4% โดยตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัท คืออเมริกาเหนือ ด้วยยอดขายคิดเป็นสัดส่วน 68% ของยอดขายทั้งหมด เอเชีย-แปซิฟิกทำยอดขายได้ในสัดส่วน 17% ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา 14% และละตินอเมริกาเพียงไม่ถึง 1%

ในทางกลับกัน ยอดขายส่วนใหญ่ของแซมโซไนท์มาจากภูมิภาคเอเชียด้วยสัดส่วน 39% ตามมาด้วยอเมริกาเหนือ 34% ยุโรป 22% และละตินอเมริกา 5% อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตของแซมโซไนท์ในอเมริกาเหนือเติบโตได้สูงถึง 25% ในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2558 สูงกว่าตลาดเอเชียที่เติบโตได้ 15%

ทาอินวาลากล่าวว่า แซมโซไนท์วางแผนที่จะทำตลาดกระเป๋าเดินทางแบรนด์ทูมี่ผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายของบริษัท พร้อมกับตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจุดจำหน่ายกระเป๋าของทูมี่ขึ้น 2 เท่าในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า โดยจะเน้นสร้างการเติบโตในตลาดเอเชียเป็นหลัก

"เราตั้งใจที่จะขยายธุรกิจในเอเชียโดยอาศัยกำลังพลของเราในภูมิภาคดังกล่าว" ทาอินวาลากล่าวและเสริมว่า จะเน้นจำหน่ายกระเป๋าเดินทางแบบแข็งมากกว่าแบบอ่อนซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับทูมี่ในตลาดอเมริกาเหนือ ส่วนดีไซน์ของกระเป๋าทูมี่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,138 วันที่ 10 - 12 มีนาคม พ.ศ. 2559