หุ้นดอยช์แบงก์วูบ! หลังตำรวจบุกค้น สนง.ใหญ่ ต้องสงสัยพัวพันคดีฟอกเงิน
ราคาหุ้นของธนาคารดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดของเยอรมนี หล่นลงทันทีเกือบ 4% เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการเกือบ 200 คน ได้ขอเข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่ในเมืองแฟรงค์เฟิร์ตและสำนักงานสาขาหลายแห่งของดอยซ์แบงก์ทั่วประเทศเยอรมนี เพื่อสอบสวนคดีฟอกเงิน ซึ่งโยงใยกับกรณีการรั่วไหลของเอกสารสำคัญที่รู้จักกันในนามคดี "ปานามา เปเปอร์" (Panama Papers) เมื่อปี 2559
หุ้นของดอยช์แบงก์ ราคารูดลง 3.82% มาอยู่ที่ประมาณ 9.50 ดอลลาร์ เหนือกว่าสถิติต่ำสุดที่เคยทำไว้ที่หุ้นละ 9.21 ดอลลาร์เพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารทั้งในรูปกระดาษและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในระบบคอมพิวเตอร์ไปด้วยเพื่อประกอบการสอบสวนคดี โดยก่อนหน้านี้พนักงานอัยการตั้งประเด็นการสอบสวนว่า พนักงาน 2 คนของธนาคารดอยซ์แบงก์ อาจมีส่วนช่วยเหลือลูกค้า 2 คน ให้ฟอกเงินจากการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายอาญา โดยการแนะนำให้ลูกค้าดังกล่าวเปิดบัญชีเงินฝากในต่างแดน แล้วโอนเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายเข้าบัญชีเงินฝากนั้น นอกจากนี้ ยังต้องการตรวจสอบว่า ธนาคารดอยช์แบงก์ตั้งใจเพิกเฉยที่จะรายงานต่อทางการเมื่อพบเห็นการทำธุรกรรมการเงินที่ผิดปกติหรือไม่
การสอบสวนคดีนี้เริ่มต้นมาจากเอกสารชื่อว่า "ปานามา เปเปอร์ส" ในปี 2559 ที่ถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ ว่า บริษัท มอสแซค ฟอนเซกา (Mossack Fonseca) บริษัทกฎหมายของปานามา มีบริการจดทะเบียนบริษัทตัวแทน เพื่อปกปิดการโอนเงินและตัวตนที่แท้จริงของบริษัทต่าง ๆ ที่มอสแซค ฟอนเซการับทำธุรกรรมแทน เป้าหมายก็เพื่อช่วยให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี พนักงานอัยการในแฟรงค์เฟิร์ตออกมาระบุว่า สำนักงานสาขาของดอยช์แบงก์บนเกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งเป็นสวรรค์ของนักเลี่ยงภาษี ได้ให้บริการลูกค้ามากกว่า 900 ราย และทำรายได้จากสาขานี้ราว 353 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 12,000 ล้านบาท ในปี 2559
"ในส่วนของธนาคารเองนั้น ได้มอบข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีปานามาเปเปอร์ให้กับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว แน่นอนว่า เราจะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อสำนักงานอัยการแห่งแฟรงค์เฟิร์ต เนื่องจากมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของธนาคารเอง และเพื่อสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้" แถลงการณ์ของดอยช์แบงก์ ระบุ
'ดอยช์แบงก์' เป็นธนาคารใหญ่ที่สุดในเยอรมนี มีการจ้างงานพนักงานราว 95,000 คน มีตัวเลขสินทรัพย์ 1.4 ล้านล้านยูโร หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้รับการจัดอันดับโดยธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ หรือ BIS (Bank for International Settlements) ให้เป็น 1 ใน 29 ธนาคารทรงอิทธิพลในระบบการเงินของโลก
[caption id="attachment_355236" align="aligncenter" width="503"]
คริสเตียน โซอิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดอยช์แบงก์[/caption]
หากจะนับตั้งแต่ต้นปี 2561 มานี้ หุ้นของธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง 'ดอยช์แบงก์' รูดลงมาแล้ว 47% จากมรสุมข่าวเชิงลบ รวมทั้งการบริหารจัดการของธนาคารเอง เช่น ในปีที่ผ่านมา (2560) ดอยช์แบงก์ต้องจ่ายค่าปรับถึง 7,200 ล้านดอลลาร์ ให้แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อประนีประนอมคดีที่ธนาคารออกผลิตภัณฑ์และจำหน่ายตราสารหนี้ที่ด้อยคุณภาพให้แก่ลูกค้า ในปีเดียวกันนั้น ดอยช์แบงก์ยังต้องจ่ายค่าปรับ 630 ล้านดอลลาร์ จากกรณีพัวพันการฟอกเงินในรัสเซีย ต่อมาในเดือน ก.ย. ปีนี้ ทางการเยอรมันออกคำสั่งให้ดอยช์แบงก์เพิ่มความเข้มงวดกฎระเบียบเพื่อป้องกันการฟอกเงินและการใช้ธนาคารเป็นทางผ่านของเงินสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย
นายคริสเตียน โซอิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของดอยช์แบงก์ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งในเดือน เม.ย. ปีนี้ ได้พยายามยกเครื่องการดำเนินงานของธนาคาร โดยมีการปิดสาขาไปแล้วจำนวนหลายร้อยสาขา ปลดพนักงานและลดต้นทุนในด้านต่าง ๆ นับตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่ง
หุ้นของดอยช์แบงก์ ราคารูดลง 3.82% มาอยู่ที่ประมาณ 9.50 ดอลลาร์ เหนือกว่าสถิติต่ำสุดที่เคยทำไว้ที่หุ้นละ 9.21 ดอลลาร์เพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารทั้งในรูปกระดาษและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในระบบคอมพิวเตอร์ไปด้วยเพื่อประกอบการสอบสวนคดี โดยก่อนหน้านี้พนักงานอัยการตั้งประเด็นการสอบสวนว่า พนักงาน 2 คนของธนาคารดอยซ์แบงก์ อาจมีส่วนช่วยเหลือลูกค้า 2 คน ให้ฟอกเงินจากการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายอาญา โดยการแนะนำให้ลูกค้าดังกล่าวเปิดบัญชีเงินฝากในต่างแดน แล้วโอนเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายเข้าบัญชีเงินฝากนั้น นอกจากนี้ ยังต้องการตรวจสอบว่า ธนาคารดอยช์แบงก์ตั้งใจเพิกเฉยที่จะรายงานต่อทางการเมื่อพบเห็นการทำธุรกรรมการเงินที่ผิดปกติหรือไม่
การสอบสวนคดีนี้เริ่มต้นมาจากเอกสารชื่อว่า "ปานามา เปเปอร์ส" ในปี 2559 ที่ถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ ว่า บริษัท มอสแซค ฟอนเซกา (Mossack Fonseca) บริษัทกฎหมายของปานามา มีบริการจดทะเบียนบริษัทตัวแทน เพื่อปกปิดการโอนเงินและตัวตนที่แท้จริงของบริษัทต่าง ๆ ที่มอสแซค ฟอนเซการับทำธุรกรรมแทน เป้าหมายก็เพื่อช่วยให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี พนักงานอัยการในแฟรงค์เฟิร์ตออกมาระบุว่า สำนักงานสาขาของดอยช์แบงก์บนเกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งเป็นสวรรค์ของนักเลี่ยงภาษี ได้ให้บริการลูกค้ามากกว่า 900 ราย และทำรายได้จากสาขานี้ราว 353 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 12,000 ล้านบาท ในปี 2559
"ในส่วนของธนาคารเองนั้น ได้มอบข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีปานามาเปเปอร์ให้กับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว แน่นอนว่า เราจะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อสำนักงานอัยการแห่งแฟรงค์เฟิร์ต เนื่องจากมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของธนาคารเอง และเพื่อสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้" แถลงการณ์ของดอยช์แบงก์ ระบุ
'ดอยช์แบงก์' เป็นธนาคารใหญ่ที่สุดในเยอรมนี มีการจ้างงานพนักงานราว 95,000 คน มีตัวเลขสินทรัพย์ 1.4 ล้านล้านยูโร หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้รับการจัดอันดับโดยธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ หรือ BIS (Bank for International Settlements) ให้เป็น 1 ใน 29 ธนาคารทรงอิทธิพลในระบบการเงินของโลก
[caption id="attachment_355236" align="aligncenter" width="503"]
หากจะนับตั้งแต่ต้นปี 2561 มานี้ หุ้นของธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง 'ดอยช์แบงก์' รูดลงมาแล้ว 47% จากมรสุมข่าวเชิงลบ รวมทั้งการบริหารจัดการของธนาคารเอง เช่น ในปีที่ผ่านมา (2560) ดอยช์แบงก์ต้องจ่ายค่าปรับถึง 7,200 ล้านดอลลาร์ ให้แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อประนีประนอมคดีที่ธนาคารออกผลิตภัณฑ์และจำหน่ายตราสารหนี้ที่ด้อยคุณภาพให้แก่ลูกค้า ในปีเดียวกันนั้น ดอยช์แบงก์ยังต้องจ่ายค่าปรับ 630 ล้านดอลลาร์ จากกรณีพัวพันการฟอกเงินในรัสเซีย ต่อมาในเดือน ก.ย. ปีนี้ ทางการเยอรมันออกคำสั่งให้ดอยช์แบงก์เพิ่มความเข้มงวดกฎระเบียบเพื่อป้องกันการฟอกเงินและการใช้ธนาคารเป็นทางผ่านของเงินสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย
นายคริสเตียน โซอิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของดอยช์แบงก์ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งในเดือน เม.ย. ปีนี้ ได้พยายามยกเครื่องการดำเนินงานของธนาคาร โดยมีการปิดสาขาไปแล้วจำนวนหลายร้อยสาขา ปลดพนักงานและลดต้นทุนในด้านต่าง ๆ นับตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่ง
