'ธนัชวิชญ์' ลดขนาดรถทัวร์! ปรับกลยุทธ์รับพฤติกรรมลูกค้า ประคองรายได้ 216 ล้าน

29 พ.ย. 2561 | 04:17 น.
"ธนัชวิชญ์ แทรเวล" ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ลดขนาดรถทัวร์เหลือ 10 เมตร รับพฤติกรรมกลุ่มลูกค้าที่มีขนาดกลุ่มเดินทางเล็กลง พร้อมใช้ทุกช่องทาง ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ประชาสัมพันธ์ รับปีนี้รายได้หดเหลือ 216 ล้านบาท เชื่อปีหน้าการท่องเที่ยวฟื้น

นายธนัช เงินประเสริฐศรี ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนัชวิชญ์ แทรเวล กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการรถทัวร์ท่องเที่ยว ภายใต้แบรนด์ "รถทัวร์ธนัชวิชญ์" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"

S__11641205

ว่า ... ในปีนี้บริษัทได้ดำเนินการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยการปรับขนาดของรถให้บริการให้มีขนาดเล็กลง จากเดิมที่มีความยาวประมาณ 12 เมตร ให้เป็น 10 เมตร เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมการใช้บริการของกลุ่มผู้เดินทางที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนของกลุ่มที่ลดลง จากเดิมที่จะเดินทางมาเป็นหมู่คณะจำนวนมาก โดยเป็นการลดต้นทุนในการให้บริการ เนื่องจากกลุ่มผู้เดินทางแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการเดินทางแบบที่เป็นส่วนตัวภายในกลุ่มของตนเอง ไม่ต้องการเดินทางร่วมกับกลุ่มอื่น หากขนาดรถใหญ่เกินจำนวนผู้เดินทาง บริษัทก็ต้องแบกรับต้นทุนมากเกินไป

"การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งต้องเรียนว่า ไม่ใช่จำนวนนักท่องเที่ยวน้อยลง แต่เป็นการเดินทางเป็นกลุ่มในจำนวนที่ลดลง โดยเป็นแบบนี้มาได้สักระยะหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมบริษัททัวร์ก็จะมีวิธีการเจรจาให้ลูกค้าเดินทางร่วมกันกับกลุ่มอื่นในเส้นทางเดียวกัน แต่ปัจจุบันลูกค้าไม่ยอม ต้องการเดินทางกันเองภายในหมู่คณะของตนเท่านั้น"

ส่วนกลยุทธ์ทางด้านการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก บริษัทจะดำเนินการทั้งในรูปแบบของออฟไลน์และออนไลน์ควบคู่กันไป โดยในรูปแบบของออฟไลน์มาจากการที่รถทัวร์ของบริษัท ซึ่งทางด้านข้างของตัวรถจะมีบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นรถของบริษัท โดยการเดินทางแต่ละครั้งที่มีจำนวนรถประมาณ 5-10 คัน ก็จะทำให้เป็นที่สะดุดตาของผู้ที่ได้พบเห็น ซึ่งก็เป็นการประชาสัมพันธ์บริษัทไปในตัว อีกทั้งในเรื่องของการบริการที่ดีของบริษัท ยังทำให้เกิดการประชาสัมพันธ์แบบปากต่อปากของกลุ่มผู้ใช้บริการไปยังอีกกลุ่มหนึ่ง ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักมากขึ้น

S__11641208

ขณะที่ ช่องทางด้านออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางที่มีความสำคัญของการทำตลาดในยุคปัจจุบัน บริษัทก็ได้มีการดำเนินการในทุกช่องทางเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงได้ทั้ง ไลน์แอด (Line@), เฟซบุ๊ก (Facebook), เว็บไซต์ ซึ่งสามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้ทั่วโลก โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทจะแบ่งเป็นกลุ่มของคนไทยประมาณ 80% ซึ่งจะมาจากส่วนราชการประมาณ 50% อีก 40% เป็นบริษัทเอกชน และ 10% เป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป ขณะที่ นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20% โดยการใช้บริการจะมีทั้งในส่วนของคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งบริษัทจะมีรถทัวร์ให้บริการทั้งขนาด 30 ที่นั่ง 50 ที่นั่ง ทั้งในแบบที่เป็นรถทัวร์ชั้นเดียว และรถทัวร์ 2 ชั้น หรือเรียกว่ามีให้บริการเกือบทุกขนาด

S__11641218

นายธนัช กล่าวต่อไปอีกว่า จากผลกระทบเรื่องเหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ล่มกลางทะเลที่ จ.ภูเก็ต ได้ส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนให้ลดจำนวนลงเป็นอย่างมาก จากเดิมที่จะเดินทางเข้ามาประมาณเดือนละ 3 แสนคน แต่ 7 เดือนหลังจากเหตุการณ์ กลับลดจำนวนลงเหลือเพียง 5 หมื่นคนต่อเดือนเท่านั้น ดังนั้น การตั้งเป้ารายได้ของบริษัทปีนี้จึงทำได้แค่ประคองตัว โดยคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 216 ล้านบาท หรือประมาณ 18 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมซึ่งบริษัทจะมีรายได้ตามมาตรฐานดัชนีวัดผลงานความสำเร็จของงาน (KPI) เกรด B อยู่ที่เดือนละ 25 ล้านบาท หรือประมาณ 250 ล้านบาทต่อปี

S__11641207 S__11641206

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารายได้ของบริษัทน่าจะกลับฟื้นคืนขึ้นมาได้ในระยะข้างหน้า หลังจากที่รัฐบาลมีความพยายามออกมาตรการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น การออกวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจีนและการกู้ซากเรือฟีนิกซ์ขึ้นมา โดยสถานการณ์ทางด้านการท่องเที่ยวซบเซาถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะจากอดีตที่ผ่านมา การท่องเที่ยวจะเป็นไปในรูปแบบที่ดีปีสลับกับแย่อีกปี เพราะฉะนั้นจึงเชื่อว่า ปีหน้าการท่องเที่ยวน่าจะฟื้นกลับมาได้และจะส่งให้รายได้ของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน

ด้านจุดเด่นของบริษัท อยู่ที่ประสบการณ์ในการดำเนินงานมากว่า 50 ปี รวมถึงการติดอยู่ใน 10 อันดับของรถนำเที่ยวในประเทศ มีรถให้บริการของบริษัทเองกว่า 100 คัน อีกทั้งยังรับมาตรฐาน ISO 9001, 39001 และการให้บริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล

หน้า 13 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3422 วันที่ 29 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2561

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก