ชิงเค้กสังคมไร้เงินสด! 'ซุปเปอร์ริช' ออกบัตรเติมเงิน 'กรุงไทย' เชื่อม QR สิงคโปร์

28 พ.ย. 2561 | 02:45 น.
'ซุปเปอร์ริช' ยิ้ม ธปท. ไฟเขียวออกบัตรเติมเงิน Visit Thailand Card จับมือ "มาสเตอร์การ์ด-ทูซีทูพี" ลุยสังคมไร้เงินสด อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ช็อปซื้อสินค้าบริการ ตั้งเป้าออกบัตร 5 หมื่นใบ ภายใน มี.ค. 62 ด้าน 'กรุงไทย' จับมือ NETS และ ITMX รับชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างไทย-สิงคโปร์

นายปิยะ ตันติเวชยานนท์ ประธาน บริษัท ซุปเปอร์ริช เคอเรนซี่ เอ็กซ์เชนจ์ (1965) จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"
ว่า บริษัทได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการออกบัตร "Visit Thailand Card" ซึ่งเป็นบัตรลักษณะเติมเงิน Cash Card หรือ Prepaid โดยร่วมกับ 'มาสเตอร์การ์ด' ที่จะทำหน้าที่ระบบชำระเงิน และบริษัท ทูซีทูพี พลัส (ประเทศไทย) จำกัด ทำหน้าที่เขียนระบบแพลตฟอร์ม ขณะที่ ซุปเปอร์ริชจะเป็นผู้ทำหน้าที่ขายและเติมเงินให้กับนักท่องเที่ยว

"บัตร Visit Thailand Card จะสอดคล้องกับทิศทางของไทย ที่กำลังผลักดันไปสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ซึ่งในต่างประเทศอย่างจีนและสิงคโปร์ใช้เงินสดน้อยลง จึงเกิดปัญหาไม่มีเงินทอนกรณีที่นักท่องเที่ยวยังใช้เงินสดในการซื้อสินค้าและบริการ จึงเป็นแนวคิดของการออกบัตรครั้งนี้"


MP24-3422-B

สำหรับวิธีการใช้นั้น นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพียงแค่นำเงินสกุลดอลลาร์หรือสกุลอื่น ๆ มาแลกเป็นเงินบาท เติมลงในบัตร Visit Thailand Card จากนั้นสามารถนำบัตรไปใช้จับจ่ายซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่มีสัญลักษณ์ หรือ โปรโมชันของมาสเตอร์การ์ดได้ ซึ่งจะสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวและเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะบัตรจะผูกกับบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Wallet) บนแอพพลิเคชันในมือถือ กรณีบัตรสูญหายสามารถกดอายัดในแอพพลิเคชันบนมือถือได้ โดยนักท่องเที่ยวจะเสียค่าบัตรเพียง 150 บาทต่อบัตร และจะได้รับซิมฟรีเพื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีจุดเติมเงินและสาขารองรับกว่า 50 แห่ง

ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่า จะสามารถออกบัตรและใช้ได้ในเดือน ม.ค. 2562 และภายในเดือน มี.ค. จะสามารถออกบัตรรอบแรกได้ประมาณ 5 หมื่นใบ และจะสั่งทำบัตรเพิ่มเติมต่อไป ขณะที่ ปริมาณมูลค่าการเติมเงินในบัตร ตั้งเป้าเบื้องต้นอยู่ที่ราว 5% ของยอดซื้อขายสกุลเงินตราต่างประเทศของบริษัท เฉลี่ยที่ 1.5 แสนล้านบาทต่อปี ดังนั้น คาดว่าจะมีมูลค่าการเติมเงินบนบัตร "Visit Thailand Card" เบื้องต้นประมาณ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2562 แนวโน้มยอดการซื้อขายสกุลเงินตราต่างประเทศ คาดว่าจะอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.1 แสนล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่วางไว้อยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยอดนักท่องเที่ยวจีนที่ปรับลดลงกว่า 50% จาก 1 ใน 4 เหลือเพียง 1 ใน 3 ประกอบกับได้รับผลกระทบจากการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ อาลีเพย์ (AliPay) และ WeChat Pay เป็นต้น ทำให้ยอดการซื้อขายปรับลดลงราว 5-10%

ทั้งนี้ การซื้อขายสกุลเงินตราต่างประเทศส่วนใหญ่ประมาณ 60% ยังเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทย โดยสกุลหลักที่แลกนั้นจะเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ, ยูโร, เยน-ญี่ปุ่น, ปอนด์ และหยวน ส่วนที่เหลืออีก 40% จะเป็นขาออก ส่วนใหญ่จะแลกซื้อสกุลเยน-ญี่ปุ่นเป็นหลัก

 

[caption id="attachment_353855" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกของการออกบัตร Visit Thailand Card จะสามารถรองรับการทำธุรกรรมเฉพาะนักท่องเที่ยวขาเข้ามาในประเทศไทยเท่านั้น ยังไม่สามารถนำบัตรออกไปใช้ในต่างประเทศได้ แต่บริษัทอยู่ระหว่างขออนุมัติ ธปท. ให้ทำธุรกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นภายในกลางปี 2562 ซึ่งหากสามารถทำธุรกรรมได้เต็มรูปแบบ จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินและลดปัญหาการฟอกเงินได้ เพราะข้อมูลจะถูกบันทึกในระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ซึ่งเป็นผลดีต่อประเทศในภาพรวม

ด้าน นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารนำ Mobile Banking App "Krungthai NEXT" เข้าทดสอบการชำระเงินผ่านการสแกน QR Code ของสิงคโปร์ และการรับชำระเงินจาก Singapore Application ผ่าน Application "เป๋าตุง" สำหรับร้านค้า ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง NETS และ ITMX เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่าง 2 ประเทศ ผ่านระบบ QR Code มาตรฐานของ NETS ประเทศสิงคโปร์ และ QR Code มาตรฐาน ITMX ของไทย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเชื่อมโยงธุรกรรมระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนให้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

"การร่วมกันพัฒนาให้ผู้ใช้บริการ Mobile Banking ของไทย ให้สามารถชำระเงินผ่านการสแกน QR Code ของ NETS ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ QR Code สิงคโปร์ และผู้ใช้งาน Mobile Banking ของสิงคโปร์ สามารถชำระเงินผ่านการสแกน QR Code มาตรฐานของไทย ชำระค่าสินค้าและบริการข้ามพรมแดนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม"

หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ฉบับที่ 3,422 วันที่ 29 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม พ.ศ. 2561

595959859