ผ่ามุมคิด | ผ่าอาณาจักร "สิงห์ เอสเตท" ปั้น "โกลบัล แบรนด์"

25 พ.ย. 2561 | 03:41 น.
... เจาะกลยุทธ์ผู้บริหาร สิงห์ เอสเตท กับเป้าหมาย "โกลบัล โฮลดิ้ง คัมปะนี" ทุ่มลงทุน 5 ปี 8.5 หมื่นล้านบาท ปั้นแบรนด์ กระจายลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก พร้อมธุรกิจใหม่กระจายความเสี่ยง ผ่าน "นริศ เชยกลิ่น" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)


เล็งธุรกิจใหม่
นายนริศ ระบุว่า ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจที่หมุนรวดเร็ว บีบให้องค์กรต้องปรับตัวรองรับกับอนาคต ขณะนี้บริษัทกำลังมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อเสริมให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน หลังจากปัจจุบันประกอบ 3 ธุรกิจหลัก คือ โรงแรม อาคารสำนักงาน และกลุ่มที่อยู่อาศัย เป็นสัดส่วนรายได้ที่มีกิจการในประเทศและต่างประเทศ โดยในอนาคตนั้น พอร์ตดังกล่าวจะถูกกระจายความเสี่ยงโดยสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ และกลุ่มธุรกิจที่งอกมาใหม่ เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเนื่องธุรกิจอสังหาฯ หรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เน้นกลุ่มธุรกิจที่มีความนิยมและเป็นที่ต้องการสูงและเติบโตสูงในระยะยาว


มองตลาดที่อยู่อาศัย-โรงแรม
คาดว่า จากปัจจัยการเมือง เรื่องเลือกตั้ง การได้มาของรัฐบาลใหม่ในปี 2562 น่าจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ผ่านนโยบายสร้างความนิยมต่าง ๆ ที่จะออกมา เครื่องยนต์อื่น ๆ ที่เคยดับไปอาจจะฟื้นขึ้น ขณะที่ ตลาดที่อยู่อาศัยก็ยังมีทิศทางที่เป็นบวกในทุกเซ็กเมนต์ แม้แต่มาตรการแบงก์ชาติคุมเข้มสินเชื่อก็เป็นเรื่องดี ที่จะคัดกลุ่มลูกค้า เน้นแค่เรียลดีมานด์ นักลงทุนที่เป็นความเสี่ยงอาจลดลง แต่อย่างไรก็ตาม โปรดักต์ที่ดี ทำเลที่ใช่ มักตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดีกว่าเสมอ ขณะที่ ตลาดโรงแรม กลุ่มที่ไปได้ดี คือ ระดับราคากลาง-บน เฉลี่ย 5 พันบาทต่อคืน ที่อัตราการเข้าพักสูง 80-90% กลุ่มลูกค้าหลากหลาย โดยเฉพาะฝั่งยุโรป

 

[caption id="attachment_351972" align="aligncenter" width="336"] นริศ เชยกลิ่น นริศ เชยกลิ่น[/caption]

มุ่งโกลบัลแบรนด์
ที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมและให้ความสำคัญกับแบรนดิ้งอย่างมาก เพื่อหวังผลระยะยาว และเป็นประโยชน์สร้างมูลค่าให้กับผู้ถือครองในอนาคต ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม และอาคารสำนักงาน ล้วนแต่เป็นระดับพรีเมียม เช่น โครงการ "ดิ เอส อโศก" คอนโดฯแรกของบริษัท ที่ขณะนี้มียอดขายแล้ว 5 พันล้านบาท, อาคารสำนักงาน "สิงห์ คอมเพล็กซ์" ทันสมัยที่สุดในไทย โครงการบ้านแฟล็กชิพ "สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส" แพงสุดในประเทศไทย รวมไปถึงโครงการ "ครอสโร้ดส์" สาธารณรัฐมัลดีฟส์ โครงการระดับโลกที่ใกล้เปิดตัว คาดจะช่วยเชิดชูความเป็น "สิงห์ เอสเตท" ได้อย่างดี ขณะเดียวกันตั้งเป้าเป็นผู้ลงทุน ผู้พัฒนาอสังหาฯระดับโลก จากแผนการเข้าซื้อบริหารต่อและลงทุนเองในหลายโครงการตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก (ปัจจุบัน ลงทุนใน 4 ประเทศ คือ อังกฤษ มัลดีฟส์ ฟิจิ และมอริเชียส)


5 ปี ทุ่ม 8.5 หมื่นล้าน
ปี 2562 คาดรายได้ของบริษัทจะแตะ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเร็วกว่าที่ตั้งไว้ เพราะจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่พักอาศัยที่ทยอยสร้างแล้วเสร็จ นับรวมมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท รวมถึงรายได้จากอาคารสำนักงาน "สิงห์ คอมเพล็กซ์", โรงแรมเอาท์ริกเกอร์  6 แห่ง และโครงการครอสโร้ดส์ จำนวน 2 โครงการ ซึ่งจะเปิดในช่วงไตรมาสแรก ขณะที่ งบลงทุนในช่วง 5 ปี (2562-2566) รวม 8.5 หมื่นล้านบาท โดยปี 2562 ใช้งบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท สำหรับพัฒนาคอนโดฯ 1 โครงการ จำนวน 3-4 พันล้านบาท และอีก 4-5 พันล้านบาท สำหรับการพัฒนาอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ทำเล ถ.วิภาวดีรังสิต ใกล้อาคารซันทาวเวอร์ ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2565

นอกจากนี้ ยังใช้ในการซื้อกิจการโรงแรมเพิ่มเติมในต่างประเทศ ซึ่งสนใจทั้งในประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และเมียนมา ตามแผนลงทุนในกลุ่มโรงแรม 1-3 แห่งต่อปี ส่วนกลุ่มที่อยู่อาศัย 3-4 โครงการต่อปี เพื่อดันให้มีสัดส่วนรายได้จากการขาย 50% และจากการเช่า 50% ในช่วงปี 2564


หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,421  วันที่ 25-28 พฤศจิกายน 2561

595959859