'พลังงาน' เร่งมาตรการใช้ CPO ระบายสต๊อก 4 แสนตัน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา เร่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จำนวน 1.6 แสนตัน เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยซื้อตรงจากเกษตรกร ลานเท และโรงสกัด จากแหล่งผลิตที่สำคัญ เช่น กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร ในราคา 18 บาทต่อกิโลกรัม โดยมาตรการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค. - พ.ค. 2562
โดย กฟผ. จะใช้เงินในการซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 2,880 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าค่าไฟฟ้า 1,354 ล้านบาท ซึ่งส่วนต่างดังกล่าวจะได้รับชดเชยต้นทุนจากกระทรวงพาณิชย์ 525 ล้านบาท และอีก 829 ล้านบาท จะทำความตกลงกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ เพื่อให้เป็นรายจ่ายเพื่อสังคม (PSA) ของ กฟผ. โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า
"มาตรการนำ CPO เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบางปะกง ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้ในโรงไฟฟ้าราชบุรี เนื่องจาการขนส่ง CPO ไปยังโรงไฟฟ้าบางปะกงจะขนส่งทางเรือ"
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังรายงาน ครม. ถึงมาตรการปัจจุบัน ได้แก่ สัดส่วนผสมไบโอดีเซล บี7 ที่เพิ่มขึ้นจาก 6.6% เป็น 6.9% ทำให้เพิ่มยอดใช้ CPO เพิ่มขึ้น 8 หมื่นตันต่อปี รวมทั้งมาตรการไบโอดีเซล บี20 ที่ล่าสุด มีค่ายอีซูซุเข้ามาพบและรายงานว่า มีความพร้อมในการใช้ บี20 นอกจากนี้ ค่ายฮีโน่ก็แจ้งมีความพร้อมใช้ บี20 เช่นกัน และสามารถใช้ได้ทันที 1 แสนคัน จากทั้งสิ้น 1.8 แสนคัน ดังนั้น คาดว่าในช่วงเดือน ธ.ค. 2561 – พ.ค. 2562 คาดว่าการใช้ บี20 จะเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐเพิ่มส่วนต่างราคาเป็น 5 บาทต่อลิตร
ดังนั้น มาตรการดังกล่าวที่กระทรวงพลังงานดำเนินการมาทั้งหมดจะช่วยดูซับ CPO จากตลาดรวม จากนี้ถึงเดือน พ.คม. 2562 จำนวน 4 แสนตัน จากสต๊อกปัจจุบันอยู่ที่ 4.2 - 4.5 แสนตัน และส่งผลให้ราคาผลปาล์มสดอยู่ที่ 3.25 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ล่าสุด น้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 4.25 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาอยู่ที่ 62.75 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดูไบลดลง 3 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกมีแนวโน้มลดลง ซึ่งกระทรวงพลังงานยังไม่มีนโยบายเรียกเก็บเงินจากน้ำมันกลุ่มเบนซินและดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติม เนื่องจากอัตราเรียกเก็บในปัจจุบันจะครบกรอบวงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
โดย กฟผ. จะใช้เงินในการซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 2,880 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าค่าไฟฟ้า 1,354 ล้านบาท ซึ่งส่วนต่างดังกล่าวจะได้รับชดเชยต้นทุนจากกระทรวงพาณิชย์ 525 ล้านบาท และอีก 829 ล้านบาท จะทำความตกลงกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ เพื่อให้เป็นรายจ่ายเพื่อสังคม (PSA) ของ กฟผ. โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า
"มาตรการนำ CPO เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบางปะกง ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้ในโรงไฟฟ้าราชบุรี เนื่องจาการขนส่ง CPO ไปยังโรงไฟฟ้าบางปะกงจะขนส่งทางเรือ"
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังรายงาน ครม. ถึงมาตรการปัจจุบัน ได้แก่ สัดส่วนผสมไบโอดีเซล บี7 ที่เพิ่มขึ้นจาก 6.6% เป็น 6.9% ทำให้เพิ่มยอดใช้ CPO เพิ่มขึ้น 8 หมื่นตันต่อปี รวมทั้งมาตรการไบโอดีเซล บี20 ที่ล่าสุด มีค่ายอีซูซุเข้ามาพบและรายงานว่า มีความพร้อมในการใช้ บี20 นอกจากนี้ ค่ายฮีโน่ก็แจ้งมีความพร้อมใช้ บี20 เช่นกัน และสามารถใช้ได้ทันที 1 แสนคัน จากทั้งสิ้น 1.8 แสนคัน ดังนั้น คาดว่าในช่วงเดือน ธ.ค. 2561 – พ.ค. 2562 คาดว่าการใช้ บี20 จะเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐเพิ่มส่วนต่างราคาเป็น 5 บาทต่อลิตร
ดังนั้น มาตรการดังกล่าวที่กระทรวงพลังงานดำเนินการมาทั้งหมดจะช่วยดูซับ CPO จากตลาดรวม จากนี้ถึงเดือน พ.คม. 2562 จำนวน 4 แสนตัน จากสต๊อกปัจจุบันอยู่ที่ 4.2 - 4.5 แสนตัน และส่งผลให้ราคาผลปาล์มสดอยู่ที่ 3.25 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ล่าสุด น้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 4.25 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาอยู่ที่ 62.75 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดูไบลดลง 3 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกมีแนวโน้มลดลง ซึ่งกระทรวงพลังงานยังไม่มีนโยบายเรียกเก็บเงินจากน้ำมันกลุ่มเบนซินและดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติม เนื่องจากอัตราเรียกเก็บในปัจจุบันจะครบกรอบวงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
