‘ที่อยู่อาศัยแพง’ โตต่อ ปี62วัสดุ-เฟอร์นิเจอร์หรูขานรับ

24 พ.ย. 2561 | 02:57 น.
สัมภาษณ์

ตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์-ลักชัวรี ทั้งแนวราบและคอนโดฯที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องในกรุงเทพฯ จากกำลังซื้อหลักของชาวต่างชาติและคนมีเงิน ดันดีเวลอปเปอร์มากรายรุกตลาดไม่หยุด อานิสงส์นี้ส่งผลถึงตลาดเฟอร์นิเจอร์และตลาดวัสดุตกแต่งภายใน ภายนอก ระดับพรีเมียม ไม่แพ้กัน “ฐานเศรษฐกิจ”  เจาะมุมมองตลาด ผ่านซีอีโอหนุ่มไฟแรง “วรัญญู จินดา” กรรมการบริษัทโอทูอี ซัพพลาย จำกัด

ลูกค้าแพง กระจุกตัว

ในแต่ละปีบริษัทมีลูกค้าที่เป็นดีเวลอปเปอร์ พัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์ลักชัวรี ไม่ตํ่ากว่า 20 โครงการ และมักเป็นโครงการที่มีราคาขายเฉลี่ย มากกว่า 2.8 แสนบาทต่อตร.ม. สะท้อนถึงการเติบโตของตลาดได้อย่างดี โดยทำเลยอดฮิตยังกระจุกตัวอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญ เช่น ทองหล่อ สุขุมวิท สีลม สาทร ตามแนวรถไฟฟ้า เช่นเดียวกับเทรนด์ปีหน้า ที่คาดว่าตลาดนี้ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะส่งอานิสงส์มายังตลาดเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งภายในระดับพรีเมียม จากกำลังซื้อของชาวต่างชาติ พบหลายบริษัทยังมีแผนลุยเปิดโครงการใหม่ไม่หยุด

[caption id="attachment_350232" align="aligncenter" width="335"] วรัญญู จินดา วรัญญู  จินดา[/caption]

“3 ปีที่ผ่านมา ตลาดคอนโดฯกลุ่มนี้เติบโต 10-20% ต่อปี โดยเฉลี่ยลูกค้าที่เข้ามา มักเป็นโครงการที่กระจุกตัวอยู่ในทองหล่อ แนวรถไฟฟ้า เจาะกลุ่มคนมีกำลังซื้อ ใช้ค่าตกแต่งไม่ตํ่ากว่า 4-5 หมื่นบาทต่อตร.ม.”

ตลาดแข่งแรง

นายวรัญญู ระบุว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ช่วงตลาดที่อยู่อาศัยราคาแพงเติบโตสูง กลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งภายในมีการแข่งขันที่รุนแรงมาก แต่ละบริษัทสรรหาวัสดุที่มีความแตกต่างออกมาเรียกความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความแปลกใหม่ รวมไปถึงคุณสมบัติ ความสวยงาม คุณภาพ และแบรนด์มีชื่อเสียง มักเป็นตัวเลือกต้นๆที่ลูกค้าให้ความสนใจ

“ยอมรับว่า ผู้บริโภคสมัยนี้ เลือกเก่งขึ้น คำนึงถึงมูลค่าที่มีผลต่อความภาคภูมิใจในการครอบครอง ดีเวลอปเปอร์ก็ต้องปรับตัว หลังที่ผ่านมา ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับพื้น, ผนัง ไปเน้นเพียงชุดครัว ชุดตกแต่ง”

ตั้งเป้าผู้นำนวัตกรรมเจ้าแรก

ที่ผ่านมาบริษัทเน้นสินค้าในกลุ่มวัสดุตกแต่งภายใน ภายนอก และนวัตกรรม โดยช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายเติบโต
ขึ้นมากจากปี 2560 หลังเจาะสินค้าที่เป็นระดับบน B+,A สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทั้งพื้นและผนัง เน้นความแตกต่าง ความสวยงามและคุณสมบัติที่ดีกว่าท้องตลาด โดยที่ผ่านมามักเป็นเจ้าแรกที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นแบรนด์ของต่างประเทศ และล่าสุดนำเข้า พื้นไม้คอร์ก แบรนด์ Wicanders จากประเทศโปรตุเกส และพื้นไม้ไฮบริดจ์ เอ็นจิเนียร์ แบรนด์ Quick Step ประเทศเบลเยียม แม้จะมีราคาสูงกว่าท้องตลาดหลายเท่าตัวเฉลี่ยงบประมาณ 2-3 หมื่นบาทต่อตร.ม. สูงกว่าพื้นไม้ทั่วไปที่นิยมกัน ในราคา 5 พันบาทต่อตร.ม. แต่กลับได้รับผลตอบรับดี ด้วยศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม ดูดซับเสียงได้ดี และลดแรงกระแทกขณะเดิน ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยราคาแพง ขณะที่ปีหน้าเตรียมนำเข้าพื้นไม้คอร์กจากอิตาลี เพิ่มทางเลือกให้กับตลาด โดยตั้งธงเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งระดับพรีเมียมของไทย รวมถึงอยู่ระหว่างการปั้นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไม้ ของตนเอง เพื่อเสริมยอดขายให้ธุรกิจ เจาะกลุ่มลูกค้าโครงการเป็นหลักด้วย

แผนงานปี 2562

ปัจจุบัน บริษัท มีสัดส่วนลูกค้า ซึ่งเป็นดีเวลอปเปอร์โครงการมากถึง 90% แต่ในปีหน้า ต้องการขยายฐานลูกค้าทั่วไปให้มากขึ้น ทั้งในกลุ่มขายปลีกและตัวแทนจัดจำหน่าย ตั้งเป้า 60%  สำหรับลูกค้าโครงการ, 20% ลูกค้าโมเดิร์นเทรด +ปลีก และอีก 20% ในกลุ่มแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ รายได้ไม่ตํ่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าที่จะขยับเพิ่มขึ้น จาก 140 ล้านบาทในปีนี้ หลังจากเตรียมขยายกลุ่มลูกค้าไปยังระดับราคากลางที่เป็นพรีเมียมด้วย เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ และคาดว่าจะเป็นตลาดที่จะมาแรงในปีหน้าเช่นเดียวกับกลุ่มลักชัวรี ขณะเดียวกันจะบุกตลาดต่างจังหวัดอย่างจริงจัง โดยการเจาะหาผู้แทนจัดจำหน่ายซึ่งเป็นโมเดิร์นเทรดในเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น เพื่อช่วยให้สินค้าเข้าถึงลูกค้าง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังสนใจเจาะตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ที่อสังหาฯเติบโตดี โดยจะใช้แบรนด์มีชื่อเสียงของวัสดุที่นำเข้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดและฐานลูกค้า 595959859

หน้า 29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,420 วันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2561

[caption id="attachment_352111" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]