ปลดล็อกใช้ "กัญชา-กระท่อม" ทางการแพทย์ สั่ง "ป.ป.ส. - สธ." คุมเข้มปลูก-พกพา-นำเข้า
ปลดล็อคใช้ "กัญชา-กระท่อม" ทางการแพทย์ สั่ง "ป.ป.ส.- สธ." คุมเข้มปลูก-พกพา-นำเข้า
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 พ.ย. 2561 ว่า ครม. รับหลักการร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เสนอโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และให้ส่งความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของ สนช. ต่อไป และให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปยัง สนช. ภายในกำหนดเวลา
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สาระสำคัญ คือ 1.สามารถผลิต นำเข้า หรือ ส่งออกยาเสพติดประเภท 5 ได้ ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ โดยได้รับอนุญาต 2.ยกเว้นให้มียาเสพติดประเภท 5 ในครอบครองได้ ไม่เกินจำนวนที่จำเป็นสำหรับใช้ในการรักษาโรคเฉพาะ การปฐมพยาบาล หรือ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน 3.ให้ใช้ยาเสพติดประเภท 5 ได้ หากการกระทำเพื่อการรักษาโรค คำสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบโรคศิลป์ หรือ เพื่อการศึกษาวิจัย 4.กำหนดให้ผู้รับอนุญาตสามารถจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ได้ เฉพาะสถานที่ที่ระบุไว้เท่านั้น
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติมในส่วนของคณะกรรมการ ป.ป.ส. มีอำนาจให้กำหนดเขตพื้นที่ทดลองปลูกพืชที่ให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดประเภท 5 ผลิตและทดสอบได้ตามพื้นที่ที่กำหนด โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ส. ประกาศให้ท้องที่ใดเป็นท้องที่ที่ทำการเสพกระท่อมได้ โดยไม่เป็นความผิด
"ที่บอกว่า การนำเข้าและส่งออกยาเสพติดประเภท 5 เดิม ไม่สามารถทำได้ แต่สามารถให้ทำได้ แต่จะต้องใช้ในการรักษาพยาบาลเท่านั้น ส่วนการยกเว้นกัญชาและกระท่อมให้ครอบครองได้เฉพาะการรักษาพยาบาลและผู้ป่วยมีไว้ครอบครองได้โดยไม่มีความผิด และเพื่อเพิ่มความสามารถในการรักษาโรค ให้หมอสามารถนำมาใช้รักษาโรคได้ และเสพติดได้ในพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งคนผลิต จำหน่าย เสพ มีไว้ในครอบครอง เดิมจะมีโทษทั้งหมด ซึ่งการแก้ไขจะปลดล็อกเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง หมอ คนไข้ การพกพาในจำนวนที่หมอสั่งไม่มีความผิด แต่ทั้งหมดเพื่อการรักษาและทางการแพทย์ท่านั้น"
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของคณะกรรมการ ป.ป.ส. และกระทรวงสาธารณสุข จะมีหน้าที่ในการอนุญาตพื้นที่ที่จะปลูก ไม่ได้หมายความว่า ปลูกหลังบ้านก็ได้ ต้องเป็นพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต เพื่อนำไปสู่การผลิต ก็ต้องระบุว่า ใครบ้างที่จะเป็นผู้ผลิต อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้กำกับดูแลเรื่องการใช้ การนำไปผลิต ให้ควบคุมในระยะเวลา 5 ปีเป็นอย่างน้อย และหลังจาก 5 ปี ค่อยมาทบทวนว่าควรปรับลดอะไรเพิ่มหรือไม่
"มีตัวเลขที่น่าสนใจ ที่ผ่านมาหลายประเทศใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ 26 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อิตาลี เบลเยียม ส่วนกระท่อม ประเทศไทยยังเป็นประเทศเดียวที่ค้างในบัญชียาเสพติด แต่ปรับจากบัญชีที่ไม่ให้มีไว้เพื่อการเสพได้เลย จากบัญชี 2 เป็นบัญชี 5"
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 พ.ย. 2561 ว่า ครม. รับหลักการร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เสนอโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และให้ส่งความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของ สนช. ต่อไป และให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปยัง สนช. ภายในกำหนดเวลา
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สาระสำคัญ คือ 1.สามารถผลิต นำเข้า หรือ ส่งออกยาเสพติดประเภท 5 ได้ ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ โดยได้รับอนุญาต 2.ยกเว้นให้มียาเสพติดประเภท 5 ในครอบครองได้ ไม่เกินจำนวนที่จำเป็นสำหรับใช้ในการรักษาโรคเฉพาะ การปฐมพยาบาล หรือ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน 3.ให้ใช้ยาเสพติดประเภท 5 ได้ หากการกระทำเพื่อการรักษาโรค คำสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบโรคศิลป์ หรือ เพื่อการศึกษาวิจัย 4.กำหนดให้ผู้รับอนุญาตสามารถจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ได้ เฉพาะสถานที่ที่ระบุไว้เท่านั้น
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติมในส่วนของคณะกรรมการ ป.ป.ส. มีอำนาจให้กำหนดเขตพื้นที่ทดลองปลูกพืชที่ให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดประเภท 5 ผลิตและทดสอบได้ตามพื้นที่ที่กำหนด โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ส. ประกาศให้ท้องที่ใดเป็นท้องที่ที่ทำการเสพกระท่อมได้ โดยไม่เป็นความผิด
"ที่บอกว่า การนำเข้าและส่งออกยาเสพติดประเภท 5 เดิม ไม่สามารถทำได้ แต่สามารถให้ทำได้ แต่จะต้องใช้ในการรักษาพยาบาลเท่านั้น ส่วนการยกเว้นกัญชาและกระท่อมให้ครอบครองได้เฉพาะการรักษาพยาบาลและผู้ป่วยมีไว้ครอบครองได้โดยไม่มีความผิด และเพื่อเพิ่มความสามารถในการรักษาโรค ให้หมอสามารถนำมาใช้รักษาโรคได้ และเสพติดได้ในพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งคนผลิต จำหน่าย เสพ มีไว้ในครอบครอง เดิมจะมีโทษทั้งหมด ซึ่งการแก้ไขจะปลดล็อกเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง หมอ คนไข้ การพกพาในจำนวนที่หมอสั่งไม่มีความผิด แต่ทั้งหมดเพื่อการรักษาและทางการแพทย์ท่านั้น"
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของคณะกรรมการ ป.ป.ส. และกระทรวงสาธารณสุข จะมีหน้าที่ในการอนุญาตพื้นที่ที่จะปลูก ไม่ได้หมายความว่า ปลูกหลังบ้านก็ได้ ต้องเป็นพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต เพื่อนำไปสู่การผลิต ก็ต้องระบุว่า ใครบ้างที่จะเป็นผู้ผลิต อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้กำกับดูแลเรื่องการใช้ การนำไปผลิต ให้ควบคุมในระยะเวลา 5 ปีเป็นอย่างน้อย และหลังจาก 5 ปี ค่อยมาทบทวนว่าควรปรับลดอะไรเพิ่มหรือไม่
"มีตัวเลขที่น่าสนใจ ที่ผ่านมาหลายประเทศใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ 26 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อิตาลี เบลเยียม ส่วนกระท่อม ประเทศไทยยังเป็นประเทศเดียวที่ค้างในบัญชียาเสพติด แต่ปรับจากบัญชีที่ไม่ให้มีไว้เพื่อการเสพได้เลย จากบัญชี 2 เป็นบัญชี 5"
