‘พูม่าแบตเตอรี่’ฮึดสู้ส่งเซกเมนต์ใหม่เจาะตลาด

16 พ.ย. 2561 | 04:21 น.
ตลาดแบตเตอรี่ฝืด “เอ็ม เอฟ ออโต้” เข็นสินค้ารุ่นใหม่ PUMA Start Stop Series เคาะราคาเริ่มต้น 2,800 บาท เจาะกลุ่มเซ็กเมนต์ ใหม่พร้อมรับประกัน 18 เดือน

นายบุญชัย เมธีดุลสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม เอฟ ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่แบรนด์พูม่าจากประเทศเกาหลี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดแบตเตอรี่ในไทยมีการเติบโตแบบช้าๆโดยประเมินว่าในปีนี้ความต้องการจะอยู่ที่ 10 ล้านลูก แบ่งออกเป็นแบตเตอรี่สำหรับตลาดโออีเอ็ม 2 ล้านลูก และตลาดอาร์อีเอ็ม (ทด แทน) 8 ล้านลูก

[caption id="attachment_344779" align="aligncenter" width="503"] puma-3 บุญชัย เมธีดุลสถิตย์[/caption]

ขณะที่ผู้นำตลาดซึ่งเป็นแบรนด์ใหญ่ได้แก่ ยีเอส, เอฟบี (ฟูรูกาวา),  3 เค และพานาโซนิค ครองส่วนแบ่งการตลาดรวมกันมากกว่า 80% ส่วนแบรนด์อื่นๆ อีก 10 แบรนด์รวมถึงพูม่า ครองส่วนแบ่งการตลาดรวมกัน 15%

“ตลาดรถยนต์โตเร็วก็จริง แต่ว่าตลาดแบตเตอรี่ ในประเทศกลับโตในอัตราที่ไม่เยอะ โดยลูกค้าในกลุ่มอาร์อีเอ็มประหยัดขึ้น เนื่องจากรายได้อาจจะน้อย หรือว่ามีเงินน้อย ทำให้ยังไม่มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือหากต้องเปลี่ยน ก็จะมองหาจุดคุ้มทุน ความคุ้มค่า หรือ ราคาที่ถูก”

นายบุญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแง่การปรับตัวของบริษัท ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ PUMA Start Stop Series ที่ออกแบบให้มีแผ่นธาตุแบบพิเศษให้สารเคลือบแผ่นธาตุมีความหนาแน่นสูง ทำให้มีคุณสมบัติในการรับกระแสชาร์จกลับได้เร็วและมีการคายประจุ ไฟฟ้าได้นานขึ้น จึงทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน และผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน SBA S0101 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รองรับการทำงานของระบบ Start Stop ที่แบตเตอรี่รุ่นใหม่ต้องผ่านการทดสอบให้ได้มากกว่า 30,000 Cycles อีกทั้งยังทำให้เครื่องยนต์ลดการทำงานลงได้ประมาณ 3-5% มีผลให้ประหยัดนํ้ามัน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(CO2) ได้

สำหรับ PUMA Start Stop จะมี 2 ประเภท คือ PUMA EFB ใช้สำหรับรถยนต์ ที่วางแบตเตอรี่ไว้ในห้องเครื่องที่มีความร้อนสูง โดยมากใช้กับรถยนต์ญี่ปุ่นและปิกอัพ และ PUMA AGM ใช้สำหรับรถยุโรป ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ภายในห้องโดยสาร หรือ ช่องสัมภาระ และรถที่มีการติดตั้งระบบ Start Stop แบบ Advance ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ ต้องรับภาระหนักกว่าแบบปกติ ซึ่ง AGM แบตเตอรี่จะสามารถคายประจุไฟฟ้าได้ยาวนานกว่า EFB และมีอายุใช้งานยาวนานกว่า EFB สนนราคาเริ่มต้นจะมีตั้งแต่ 2,800 - 1 หมื่นบาท

“เราเป็นเจ้าแรกที่เจาะตลาดนี้ และมีสินค้าครบทุกรุ่น โดยสินค้ารุ่นใหม่นี้มีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ใช้รถที่ผลิตในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งเป็นรถยนต์ที่เริ่มมีการติดตั้งไดชาร์จอัจฉริยะและระบบ Start Stop โดยบริษัทได้สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ 18 เดือน หรือ 6 หมื่นกม.”

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก

นายบุญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทวางงบประมาณการตลาดในปีนี้ 10 ล้านบาท และจะมีการเดินสายแนะนำสินค้าใหม่ รวมไปถึงทำการตลาดออนไลน์ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าใหม่ ขณะเดียวกันจะขยายช่องทางจำหน่าย โดยปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าประมาณ 300-400แห่งทั่วประเทศ

“เราจะมีการเดินสายเทรนนิ่งกับร้านค้าเพื่อให้เข้าใจเทคโนโลยีใหม่ที่เราเปิดตัว ส่วนตัวแคมเปญหรือโปรโมชันก็มีตามปกติ โดยเราคาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ 300 ล้านบาท และในปี 2562 จะทำได้ 400 ล้านบาท”

ปัจจุบันพูม่าแบตเตอรี่ มีสัดส่วนการป้อนแบตเตอรี่ให้กับตลาดอาร์อีเอ็ม (ทดแทน) 90% และอีก 10% ป้อนให้กับตลาดโออีเอ็ม ได้แก่ฟอร์ด และฮอนด้า แต่ในอนาคตเมื่อมีสินค้ารุ่นใหม่ออกมา ประกอบกับเทคโนโลยีใหม่ๆเริ่มเข้ามาคาดว่าภายในปี 2021 สัดส่วนการป้อนโออีเอ็มจะเพิ่มขึ้นเป็น 20%

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,417 วันที่ 11 - 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

e-book-1-503x62