ชิ้นส่วนไทยดิ้นรับเทรนด์ใหม่ ‘สกุลฎ์ซี’ทุ่ม300ล้านบุกตลาดมินิบัส-อีวี ‘ไทยรุ่ง’ลุยมอเตอร์เอ็กซ์โป
แบรนด์ไทยสบช่องตลาดมินิบัสโต“สกุลฎ์ซี” ทุ่ม 300 ล้านผุดไลน์ประกอบใหม่ ชูจุดแข็งโครงสร้างอลูมิเนียมและแชสซีส์-เครื่องยนต์ฮีโน่ ตั้งเป้าปลายปี 2562 พัฒนามินิบัสไฟฟ้า ด้านไทยรุ่งหันรับจ้างประกอบอีวี พร้อมส่งมินิบัสรุ่นแรกเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018
ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเร่งปรับตัวรับยุคใหม่อุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้ง ยานยนต์ไฟฟ้า และนโยบายของกรมการขนส่งทางบกให้ เปลี่ยนมาใช้มินิบัสแทนรถตู้แบบเดิมในการวิ่งรับส่งผู้โดยสารแบบประจำทาง
จากตัวเลขของกรมการขนส่งทางบก รายงานว่าในปี 2560 มีรถโดยสารประจำทาง(รถตู้)อายุครบกำหนด 10 ปีจำนวน 154 คัน และในปี 2561จะมีอีก 637 คัน ,ปี 2562 จะมี 2,160 คัน ปี 2563 จะมีจำนวน 2,253 คัน และในปี 2564 จะมีมากถึง 4,433 คัน
จากจำนวนรถตู้ที่อายุครบ 10 ปีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดมินิบัสปลายปีนี้คึกคัก โดยผู้เล่นทั้งแบรนด์ไทย- จีน แนะนำรถหลายรุ่นออกมาขายพร้อมทำแคมเปญ
“เดิมเรามีธุรกิจผลิตชิ้นส่วน และโรงงานแม่พิมพ์ (บริษัทโชคนำชัยฯ) แต่เราเห็นโอกาสทางธุรกิจของตลาดมินิบัส จึงตัดสินใจที่จะเข้ามารุกในธุรกิจนี้ ซึ่งในเบื้องต้นได้ลงทุน 300 ล้านบาทเพื่อขึ้นไลน์ประกอบ มีกำลังการผลิต 12 คันต่อวัน หรือประมาณ 2,880 คันต่อเดือนเริ่มผลิตและส่งมอบในไตรมาส 2 ของปีหน้า” นายวีรพลน์ เตชะผาสุขสันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด (SAKUN C)
[caption id="attachment_343480" align="aligncenter" width="503"]
btr[/caption]
สำหรับสกุลฎ์ซีบัส มีจุดเด่นคือ สร้างด้วยอะลูมิเนียม ทำให้นํ้าหนักเบา ไม่เป็นสนิม ไม่ผุ เครื่องยนต์ฮีโน่พร้อมทั้งช่วงล่าง รถโดยสารแท้ยกชุด เบรกเอบีเอส สามารถเข้าศูนย์ฮีโน่ได้ทั่วประเทศ มีราคาช่วงแนะนำ 1.995 ล้านบาทจากราคาเต็ม 2.3ล้านบาท
“เราเปิดตัวมินิบัสครั้งแรกในงาน “บัสแอนด์ทรัค 2018”และได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย จากเดิมตั้งไว้ 50 คัน แต่เมื่อปิดงานก็สามารถทำได้ 208 คัน ซึ่งการตอบรับที่ดีเป็นผลมาจากการสร้างความแตกต่างในตัวผลิตภัณฑ์ อีกทั้งเรายังมีโปรโมชันอาทิ ฟรีดาวน์- ผ่อนสูงสุด 72 เดือน รับประกันแชซชีส์และตัวถังอะลูมิเนียม 5 ปี แถม GPS tracking พร้อมระบบรูดบัตร และค่าดาต้าฟรี 1 ปี, กล้องซีซีทีวี 3 ตัวภายในห้องโดยสาร และกล้องมองหลัง 1 ตัว แบบบันทึกตลอดเวลา พร้อมเซ็นเซอร์ ช่วยถอยแบบ 4 จุด”
สำหรับแผนงานในอนาคตของสกุลฎ์ซีบัส นอกจากจะผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศแล้ว ในปีหน้าจะเริ่มส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มCLMVเริ่มที่เมียนมาและกัมพูชา
หลังจากนั้นจะเริ่มพัฒนาจากตอนนี้ 7 เมตร ก็เพิ่มเป็น 9 เมตร รวมไปถึงมินิบัสไฟฟ้า โดยเบื้องต้นวางแผนไว้ว่าปลายปี 2562 หรือต้นปี 2563 จะมีการทำโปรโตไทป์ของรถมินิบัสไฟฟ้าออกมา
นอกจากนั้นแล้วบริษัทได้มีการพูดคุยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯและมีการเซ็นเอ็มโอยูกับ สวทช.เรื่องยานพาหนะสมัยใหม่ และมีการขอจดบัญชีสินค้านวัตกรรมไทยอีกด้วย
“เราประเมินว่าปลายปีหน้า โครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มมีความพร้อมแล้ว และการเลือกพัฒนารถมินิบัสไฟฟ้า หรือ รถโดยสารที่เป็นไฟฟ้าก็จะได้เปรียบรถประเภทอื่นๆเพราะรถกลุ่มนี้มีการคำนวณระยะทางการวิ่งไป-กลับได้”
นายวีรพลน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในต้นปี 2562 จะจัดงานเปิดตัวแบรนด์สกุลฎ์ซีอย่างเป็นทางการ โดยจะสื่อสารให้เห็นทั้งผลิตภัณฑ์และแบรนดิ้งที่มีการปรับโฉมใหม่ ซึ่งบริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2562 จะมีกว่า 1,000 ล้านบาท
“เราจะสื่อสารให้ลูกค้าได้เห็นว่าเราเป็นโมเดิร์นวีฮิเคิล หรือเป็นยานพาหนะสมัยใหม่ดังนั้นเราจึงมีการรีแบรนดิ้งทั้งโลโก ทั้งการทำตลาดรวมไปถึงการมีศูนย์อาร์แอนด์ดีที่จะพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาสู่ตลาด”นายวีรพลน์ กล่าว
ถือเป็นแบรนด์ไทยน้องใหม่ที่ประกาศเอาจริงเอาจังในตลาดนี้ ขณะที่แบรนด์ไทยอีกหนึ่งเจ้า “ไทยรุ่ง”ก็นำรถมินิบัสออกไปให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองใช้ ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีนี้เช่นกัน โดยมินิบัสของไทยรุ่งนั้น ใช้แชสซีส์พื้นฐานมาจากรถอีซูซุ จำหน่ายในราคา 2.15 ล้านบาทและไทยรุ่งตั้งเป้าหมายยอดขายภายในงาน 20-30 คัน
ในส่วนรถพลังไฟฟ้า ก็ประกาศรับจ้างประกอบหรือทำตัวถังให้ผู้ประกอบการน้องใหม่ ทั้งรถยนต์นั่งอีวีและรถจักรยานยนต์อีวี
นอกเหนือจาก 2 แบรนด์ที่กล่าวมา “ฐานยานยนต์” ได้ลองสำรวจตลาดมินิบัสก็พบว่ามีผู้ประกอบการที่เริ่มทำตลาดจริงจังอาทิ แบรนด์โกลบอลคราฟท์ ที่ใช้แชสซีส์ของฮีโน่ และมีการรับประกันแชสชีส์จากฮีโน่ 5 ปี รับประกันตัวถังของบริษัท 2 ปี พร้อมโปรโมชันดาวน์ตํ่า ผ่อนนาน 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 ราคาขาย 2.2 ล้านบาท
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ชื่อติดหูคนไทยคือ โกลเดนดรากอน ทำตลาดโดย บริษัท ไทยบัสกลการ จำกัด ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการก็นำเข้ารถมาจากประเทศจีนโดยเฉพาะ เปิดราคาเริ่มต้น 1.85 ล้านบาทในรุ่นมินิบัส 7 เมตร ดีเซล และราคา 1.95 ล้านบาทในรุ่น CNG พร้อมโปรโมชันของแถมมูลค่า 1 แสนบาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับผู้ที่ซื้อรถตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2561
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,416 วันที่ 8 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเร่งปรับตัวรับยุคใหม่อุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้ง ยานยนต์ไฟฟ้า และนโยบายของกรมการขนส่งทางบกให้ เปลี่ยนมาใช้มินิบัสแทนรถตู้แบบเดิมในการวิ่งรับส่งผู้โดยสารแบบประจำทาง
จากตัวเลขของกรมการขนส่งทางบก รายงานว่าในปี 2560 มีรถโดยสารประจำทาง(รถตู้)อายุครบกำหนด 10 ปีจำนวน 154 คัน และในปี 2561จะมีอีก 637 คัน ,ปี 2562 จะมี 2,160 คัน ปี 2563 จะมีจำนวน 2,253 คัน และในปี 2564 จะมีมากถึง 4,433 คัน
จากจำนวนรถตู้ที่อายุครบ 10 ปีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดมินิบัสปลายปีนี้คึกคัก โดยผู้เล่นทั้งแบรนด์ไทย- จีน แนะนำรถหลายรุ่นออกมาขายพร้อมทำแคมเปญ
“เดิมเรามีธุรกิจผลิตชิ้นส่วน และโรงงานแม่พิมพ์ (บริษัทโชคนำชัยฯ) แต่เราเห็นโอกาสทางธุรกิจของตลาดมินิบัส จึงตัดสินใจที่จะเข้ามารุกในธุรกิจนี้ ซึ่งในเบื้องต้นได้ลงทุน 300 ล้านบาทเพื่อขึ้นไลน์ประกอบ มีกำลังการผลิต 12 คันต่อวัน หรือประมาณ 2,880 คันต่อเดือนเริ่มผลิตและส่งมอบในไตรมาส 2 ของปีหน้า” นายวีรพลน์ เตชะผาสุขสันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด (SAKUN C)
[caption id="attachment_343480" align="aligncenter" width="503"]
สำหรับสกุลฎ์ซีบัส มีจุดเด่นคือ สร้างด้วยอะลูมิเนียม ทำให้นํ้าหนักเบา ไม่เป็นสนิม ไม่ผุ เครื่องยนต์ฮีโน่พร้อมทั้งช่วงล่าง รถโดยสารแท้ยกชุด เบรกเอบีเอส สามารถเข้าศูนย์ฮีโน่ได้ทั่วประเทศ มีราคาช่วงแนะนำ 1.995 ล้านบาทจากราคาเต็ม 2.3ล้านบาท
“เราเปิดตัวมินิบัสครั้งแรกในงาน “บัสแอนด์ทรัค 2018”และได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย จากเดิมตั้งไว้ 50 คัน แต่เมื่อปิดงานก็สามารถทำได้ 208 คัน ซึ่งการตอบรับที่ดีเป็นผลมาจากการสร้างความแตกต่างในตัวผลิตภัณฑ์ อีกทั้งเรายังมีโปรโมชันอาทิ ฟรีดาวน์- ผ่อนสูงสุด 72 เดือน รับประกันแชซชีส์และตัวถังอะลูมิเนียม 5 ปี แถม GPS tracking พร้อมระบบรูดบัตร และค่าดาต้าฟรี 1 ปี, กล้องซีซีทีวี 3 ตัวภายในห้องโดยสาร และกล้องมองหลัง 1 ตัว แบบบันทึกตลอดเวลา พร้อมเซ็นเซอร์ ช่วยถอยแบบ 4 จุด”
สำหรับแผนงานในอนาคตของสกุลฎ์ซีบัส นอกจากจะผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศแล้ว ในปีหน้าจะเริ่มส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มCLMVเริ่มที่เมียนมาและกัมพูชา
หลังจากนั้นจะเริ่มพัฒนาจากตอนนี้ 7 เมตร ก็เพิ่มเป็น 9 เมตร รวมไปถึงมินิบัสไฟฟ้า โดยเบื้องต้นวางแผนไว้ว่าปลายปี 2562 หรือต้นปี 2563 จะมีการทำโปรโตไทป์ของรถมินิบัสไฟฟ้าออกมา
นอกจากนั้นแล้วบริษัทได้มีการพูดคุยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯและมีการเซ็นเอ็มโอยูกับ สวทช.เรื่องยานพาหนะสมัยใหม่ และมีการขอจดบัญชีสินค้านวัตกรรมไทยอีกด้วย
“เราประเมินว่าปลายปีหน้า โครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มมีความพร้อมแล้ว และการเลือกพัฒนารถมินิบัสไฟฟ้า หรือ รถโดยสารที่เป็นไฟฟ้าก็จะได้เปรียบรถประเภทอื่นๆเพราะรถกลุ่มนี้มีการคำนวณระยะทางการวิ่งไป-กลับได้”
นายวีรพลน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในต้นปี 2562 จะจัดงานเปิดตัวแบรนด์สกุลฎ์ซีอย่างเป็นทางการ โดยจะสื่อสารให้เห็นทั้งผลิตภัณฑ์และแบรนดิ้งที่มีการปรับโฉมใหม่ ซึ่งบริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2562 จะมีกว่า 1,000 ล้านบาท
“เราจะสื่อสารให้ลูกค้าได้เห็นว่าเราเป็นโมเดิร์นวีฮิเคิล หรือเป็นยานพาหนะสมัยใหม่ดังนั้นเราจึงมีการรีแบรนดิ้งทั้งโลโก ทั้งการทำตลาดรวมไปถึงการมีศูนย์อาร์แอนด์ดีที่จะพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาสู่ตลาด”นายวีรพลน์ กล่าว
ถือเป็นแบรนด์ไทยน้องใหม่ที่ประกาศเอาจริงเอาจังในตลาดนี้ ขณะที่แบรนด์ไทยอีกหนึ่งเจ้า “ไทยรุ่ง”ก็นำรถมินิบัสออกไปให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองใช้ ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีนี้เช่นกัน โดยมินิบัสของไทยรุ่งนั้น ใช้แชสซีส์พื้นฐานมาจากรถอีซูซุ จำหน่ายในราคา 2.15 ล้านบาทและไทยรุ่งตั้งเป้าหมายยอดขายภายในงาน 20-30 คัน
ในส่วนรถพลังไฟฟ้า ก็ประกาศรับจ้างประกอบหรือทำตัวถังให้ผู้ประกอบการน้องใหม่ ทั้งรถยนต์นั่งอีวีและรถจักรยานยนต์อีวี
นอกเหนือจาก 2 แบรนด์ที่กล่าวมา “ฐานยานยนต์” ได้ลองสำรวจตลาดมินิบัสก็พบว่ามีผู้ประกอบการที่เริ่มทำตลาดจริงจังอาทิ แบรนด์โกลบอลคราฟท์ ที่ใช้แชสซีส์ของฮีโน่ และมีการรับประกันแชสชีส์จากฮีโน่ 5 ปี รับประกันตัวถังของบริษัท 2 ปี พร้อมโปรโมชันดาวน์ตํ่า ผ่อนนาน 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 ราคาขาย 2.2 ล้านบาท
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ชื่อติดหูคนไทยคือ โกลเดนดรากอน ทำตลาดโดย บริษัท ไทยบัสกลการ จำกัด ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการก็นำเข้ารถมาจากประเทศจีนโดยเฉพาะ เปิดราคาเริ่มต้น 1.85 ล้านบาทในรุ่นมินิบัส 7 เมตร ดีเซล และราคา 1.95 ล้านบาทในรุ่น CNG พร้อมโปรโมชันของแถมมูลค่า 1 แสนบาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับผู้ที่ซื้อรถตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2561
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,416 วันที่ 8 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
