สสช. เร่งผลักดันปฎิวัติข้อมูล ขับเคลื่อนนโยบายด้านดิจิตอล
สสช. เร่งผลักดันปฎิวัติข้อมูล ขับเคลื่อนนโยบายด้านดิจิตอล ตั้งเป้า 1 ปี เห็น "สถิติทางการ" พร้อมอัพเกรดและปลดล็อกกฎหมาย เพื่อการทำงานร่วมกันในทุกภาคส่วน
นายภุชพงค์ โนดไธสง ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากเทคโนโลยีดิจิตอล โดยทั่วโลกรวมถึงองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จนเกิดคำว่า "Data Revolution" หรือ การปฏิวัติข้อมูล ที่ต้องการให้สำนักงานสถิติของประเทศต่าง ๆ หรือหน่วยงานด้านข้อมูลของทั่วโลกใช้ "Official Statistics หรือ สถิติทางการ" เป็นเครื่องชี้เพื่อนำไปสู่การพัฒนา เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันพัฒนาและแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของข้อมูล
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติได้เร่งดำเนินงานในการปรับปรุงพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. 2550 เพื่อส่งเสริมการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก พ.ร.บ. ปี 2550 ที่ยังขาดการบูรณาการฐานข้อมูล ส่งผลให้การจัดเก็บข้อมูลยังมีความคลาดเคลื่อนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักทางด้านข้อมูลสถิติของประเทศ จะได้รับผลกระทบโดยตรง ดังนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติจึงได้เร่งตอบรับนโยบายและทิศทางการพัฒนาด้านข้อมูล เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ข้อมูลทั้งของรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชน โดย Upgrade หรือ ยกระดับองค์กรให้เป็นศูนย์กลางข้อมูลสถิติและสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจของประเทศ โดยตั้งเป้า "1 ปี สสช. สู่ Official Statistics" ที่จะผลิตข้อมูลสำคัญสำหรับทำตัวชี้วัดของประเทศ Upgrade เป็น "ศูนย์ข้อมูลสถิติจังหวัด" ที่จัดเก็บและให้บริการในรูปแบบที่สามารถนำไปประมวลผลต่อได้, Upgrade เป็น "e-Survey" ลดการส่งพนักงานสนามออกจัดเก็บข้อมูล นำเทคโนโลยีมาใช้ในการสำรวจข้อมูลมากขึ้น ในรูปแบบ e-Survey ต่อยอดการใช้ประโยชน์จากโครงการเน็ตประชารัฐ
Upgrade การบริหารจัดการข้อมูลผ่านรหัสมาตรฐานและ Data Catalogue ในขณะที่ รัฐบาลต้องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลผ่านการบูรณาการข้อมูลร่วมกัน ซึ่งทำได้ยาก เนื่องจากแต่ละหน่วยงานต่างกำหนดรหัสในการจัดทำข้อมูลที่แตกต่างกัน รหัสมาตรฐานจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาข้อมูลให้สามารถบูรณาการและใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ส่วน Data Catalogue หรือ Data Directory จะเป็นฐานข้อมูลที่รวบรวมรายการข้อมูลสถิติที่สำคัญ และบ่งชี้ว่าอยู่ในการดูแลของหน่วยงานใด, Unlock "ข้อมูลภาครัฐ" เพื่อขับเคลื่อนการบูรณาการ โดยแก้ไขกฎหมายเพื่อให้แต่ละหน่วยงานยินยอมส่งข้อมูลตามที่ สสช. ร้องขอ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.สถิติ เพื่อให้แต่ละหน่วยงานร่วมมือในการส่งข้อมูลและบูรณาการที่ใช้งานได้จริง
นอกจากนี้ สสช. ยังมีโครงการอื่นที่สำคัญ เช่น การใช้ Big Data เพื่อพัฒนาข้อมูล Official Statistics การพัฒนาการให้บริการแบบ SMART Services การพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศสถิติ (NSO-GIS) โครงการระบบการจัดเก็บข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานระดับพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนในลุ่มน้ำทั่วประเทศ และโครงการสำมะโนประชากรและเคหะที่จะถึงในปี 2563 นี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่จะต้องเร่งผลักดันเพื่อ Upgrade หรือ หาวิธีการใหม่ ๆ ภายใต้ยุคดิจิตอลนี้ เพื่อผลักดันสู่การปฏิวัติข้อมูลภาครัฐต่อไป
นายภุชพงค์ โนดไธสง ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากเทคโนโลยีดิจิตอล โดยทั่วโลกรวมถึงองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จนเกิดคำว่า "Data Revolution" หรือ การปฏิวัติข้อมูล ที่ต้องการให้สำนักงานสถิติของประเทศต่าง ๆ หรือหน่วยงานด้านข้อมูลของทั่วโลกใช้ "Official Statistics หรือ สถิติทางการ" เป็นเครื่องชี้เพื่อนำไปสู่การพัฒนา เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันพัฒนาและแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของข้อมูล
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติได้เร่งดำเนินงานในการปรับปรุงพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. 2550 เพื่อส่งเสริมการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก พ.ร.บ. ปี 2550 ที่ยังขาดการบูรณาการฐานข้อมูล ส่งผลให้การจัดเก็บข้อมูลยังมีความคลาดเคลื่อนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักทางด้านข้อมูลสถิติของประเทศ จะได้รับผลกระทบโดยตรง ดังนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติจึงได้เร่งตอบรับนโยบายและทิศทางการพัฒนาด้านข้อมูล เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ข้อมูลทั้งของรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชน โดย Upgrade หรือ ยกระดับองค์กรให้เป็นศูนย์กลางข้อมูลสถิติและสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจของประเทศ โดยตั้งเป้า "1 ปี สสช. สู่ Official Statistics" ที่จะผลิตข้อมูลสำคัญสำหรับทำตัวชี้วัดของประเทศ Upgrade เป็น "ศูนย์ข้อมูลสถิติจังหวัด" ที่จัดเก็บและให้บริการในรูปแบบที่สามารถนำไปประมวลผลต่อได้, Upgrade เป็น "e-Survey" ลดการส่งพนักงานสนามออกจัดเก็บข้อมูล นำเทคโนโลยีมาใช้ในการสำรวจข้อมูลมากขึ้น ในรูปแบบ e-Survey ต่อยอดการใช้ประโยชน์จากโครงการเน็ตประชารัฐ
Upgrade การบริหารจัดการข้อมูลผ่านรหัสมาตรฐานและ Data Catalogue ในขณะที่ รัฐบาลต้องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลผ่านการบูรณาการข้อมูลร่วมกัน ซึ่งทำได้ยาก เนื่องจากแต่ละหน่วยงานต่างกำหนดรหัสในการจัดทำข้อมูลที่แตกต่างกัน รหัสมาตรฐานจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาข้อมูลให้สามารถบูรณาการและใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ส่วน Data Catalogue หรือ Data Directory จะเป็นฐานข้อมูลที่รวบรวมรายการข้อมูลสถิติที่สำคัญ และบ่งชี้ว่าอยู่ในการดูแลของหน่วยงานใด, Unlock "ข้อมูลภาครัฐ" เพื่อขับเคลื่อนการบูรณาการ โดยแก้ไขกฎหมายเพื่อให้แต่ละหน่วยงานยินยอมส่งข้อมูลตามที่ สสช. ร้องขอ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.สถิติ เพื่อให้แต่ละหน่วยงานร่วมมือในการส่งข้อมูลและบูรณาการที่ใช้งานได้จริง
นอกจากนี้ สสช. ยังมีโครงการอื่นที่สำคัญ เช่น การใช้ Big Data เพื่อพัฒนาข้อมูล Official Statistics การพัฒนาการให้บริการแบบ SMART Services การพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศสถิติ (NSO-GIS) โครงการระบบการจัดเก็บข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานระดับพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนในลุ่มน้ำทั่วประเทศ และโครงการสำมะโนประชากรและเคหะที่จะถึงในปี 2563 นี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่จะต้องเร่งผลักดันเพื่อ Upgrade หรือ หาวิธีการใหม่ ๆ ภายใต้ยุคดิจิตอลนี้ เพื่อผลักดันสู่การปฏิวัติข้อมูลภาครัฐต่อไป
