ชี้ช่องรวย! ฝ่า "สงครามการค้า" เจาะมณฑลฝั่งตะวันตก รุกอี-คอมเมิร์ซในจีน
พาณิชย์ ระบุ อานิสงส์เอฟทีเออาเซียน-จีน ดันการค้าไทย-จีนครึ่งแรกปีนี้ โต 13% ขณะผลพวงลดภาษีล็อตสุดท้ายไทยนำเข้าสินค้าวัตถุดิบจากจีนเพิ่มขึ้น ชี้ช่องผู้ส่งออกเจาะมณฑลฝั่งตะวันตก รุกอี-คอมเมิร์ซตลาดจีน ลดผลกระทบสงครามการค้า
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า หลังจากที่ความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียน-จีน หรือ ACFTA มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2546 และทั้ง 2 ประเทศ ได้ทยอยลดภาษีศุลกากรระหว่างกันมาตามลำดับ จนครบสินค้าล็อตสุดท้ายที่ต้องมีการลดภาษีระหว่างกันเหลือ 0-5% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 พบว่า มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 (ม.ค. - มิ.ย.) อยู่ที่ 39,395.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออกไปจีน 14,935 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้าจากจีน 24,460.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยกรณีการส่งออกของไทยไปจีนข้างต้นเป็นการใช้สิทธิภายใต้ ACFTA มูลค่า 8,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 57.7 % ของมูลค่าการส่งออกรวม ขณะที่ กรณีนำเข้าเป็นการใช้สิทธิ มูลค่า 6,321 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 25.8% ของมูลค่าการนำเข้ารวม
[caption id="attachment_341000" align="aligncenter" width="503"]
อรมน ทรัพย์ทวีธรรม[/caption]
ทั้งนี้ หากประเมินสถิติการนำเข้า-ส่งออก ระหว่างไทยกับจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 เฉพาะในส่วนสินค้าล็อตสุดท้ายที่มีการลดภาษีศุลกากรระหว่างกันเหลือ 0-5% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 จะพบว่า ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปจีนได้เป็นมูลค่ารวม 577 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 19.9% โดยสินค้าที่ได้ประโยชน์ เช่น กระปุกเกียร์สำหรับยานยนต์ ปลายข้าว กระดาษพิมพ์ แผ่นชิ้นไม้อัด เคมีภัณฑ์ แป้งข้าวเจ้า เป็นต้น ขณะที่ ไทยนำเข้าสินค้ากลุ่มสุดท้ายที่ได้ลดภาษีให้จีนเหลือ 0-5% มากขึ้นเช่นกัน เป็นมูลค่า 2,483 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 23.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เช่น วงจรอิเล็กทรอนิกส์ แผงไฟ สายเคเบิ้ล ทองแดง หม้อแปลงไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีนส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบเพื่อนำไปผลิตต่อเป็นสินค้าสำเร็จรูป ทั้งใช้ในประเทศและส่งออก ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มยอดส่งออกของไทยในภาพรวม
"แม้จะเกิดวิกฤติทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่จากสถิติพบว่า ไทยยังคงขยายการส่งออกในภาพรวมไปจีนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ส่งออกของไทยคงต้องติดตามสถานการณ์การค้าโลกที่เกิดขึ้นและวางแผนการทำธุรกิจเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทยในจีนต่อไป เช่น ขยายการส่งออกในสินค้าที่จีนมีความต้องการเพื่อทดแทนสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป เจาะตลาดเข้าสู่เมืองใหม่ ๆ ของจีน ที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับสินค้าไทย เช่น มณฑลทางฝั่งตะวันตกของจีน และขยายการขายผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซในร้านออนไลน์ที่มีชื่อของจีน เป็นต้น"
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า หลังจากที่ความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียน-จีน หรือ ACFTA มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2546 และทั้ง 2 ประเทศ ได้ทยอยลดภาษีศุลกากรระหว่างกันมาตามลำดับ จนครบสินค้าล็อตสุดท้ายที่ต้องมีการลดภาษีระหว่างกันเหลือ 0-5% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 พบว่า มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 (ม.ค. - มิ.ย.) อยู่ที่ 39,395.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออกไปจีน 14,935 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้าจากจีน 24,460.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยกรณีการส่งออกของไทยไปจีนข้างต้นเป็นการใช้สิทธิภายใต้ ACFTA มูลค่า 8,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 57.7 % ของมูลค่าการส่งออกรวม ขณะที่ กรณีนำเข้าเป็นการใช้สิทธิ มูลค่า 6,321 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 25.8% ของมูลค่าการนำเข้ารวม
[caption id="attachment_341000" align="aligncenter" width="503"]
ทั้งนี้ หากประเมินสถิติการนำเข้า-ส่งออก ระหว่างไทยกับจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 เฉพาะในส่วนสินค้าล็อตสุดท้ายที่มีการลดภาษีศุลกากรระหว่างกันเหลือ 0-5% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 จะพบว่า ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปจีนได้เป็นมูลค่ารวม 577 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 19.9% โดยสินค้าที่ได้ประโยชน์ เช่น กระปุกเกียร์สำหรับยานยนต์ ปลายข้าว กระดาษพิมพ์ แผ่นชิ้นไม้อัด เคมีภัณฑ์ แป้งข้าวเจ้า เป็นต้น ขณะที่ ไทยนำเข้าสินค้ากลุ่มสุดท้ายที่ได้ลดภาษีให้จีนเหลือ 0-5% มากขึ้นเช่นกัน เป็นมูลค่า 2,483 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 23.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เช่น วงจรอิเล็กทรอนิกส์ แผงไฟ สายเคเบิ้ล ทองแดง หม้อแปลงไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีนส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบเพื่อนำไปผลิตต่อเป็นสินค้าสำเร็จรูป ทั้งใช้ในประเทศและส่งออก ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มยอดส่งออกของไทยในภาพรวม
"แม้จะเกิดวิกฤติทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่จากสถิติพบว่า ไทยยังคงขยายการส่งออกในภาพรวมไปจีนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ส่งออกของไทยคงต้องติดตามสถานการณ์การค้าโลกที่เกิดขึ้นและวางแผนการทำธุรกิจเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทยในจีนต่อไป เช่น ขยายการส่งออกในสินค้าที่จีนมีความต้องการเพื่อทดแทนสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป เจาะตลาดเข้าสู่เมืองใหม่ ๆ ของจีน ที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับสินค้าไทย เช่น มณฑลทางฝั่งตะวันตกของจีน และขยายการขายผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซในร้านออนไลน์ที่มีชื่อของจีน เป็นต้น"
