'เงินบาท' ขยับแข็งค่า 32.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ จับตา 'เงินหยวน' กดดันเงินสกุลเอเชีย

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุ เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (1 พ.ย. 61) ที่ระดับ 32.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นจาก 33.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ณ สิ้นวันทำการที่ผ่านมา ตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวขึ้นเกิน 1% และช่วยหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อ นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร หลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจยังคงออกมาแย่กว่าคาด โดยเฉพาะตัวเลขยอดค้าปลีกเยอรมันที่หดตัวถึง 2.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับการคาดการณ์ของตลาดที่ +0.9%

สำหรับวันนี้ (1 พ.ย. 61) ตลาดจะรอดูตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีน (Caixin Manufacturing PMI) โดยเฉพาะดัชนียอดการส่งออกใหม่ (New Export orders) ว่า จะมีการชะลอตัว หรือ หดตัวมากขึ้น จากผลกระทบสงครามการค้าอย่างไร โดยตัวเลขที่แย่กว่าคาดจะสามารถกดดันบรรยาการศการลงทุนโดยรวมได้ ในวันเดียวกัน นักวิเคราะห์ประเมินว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะยังคงนโยบายการเงินต่อและอาจจะไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย หากการเจรจา Brexit ยังไม่สามารถได้ข้อตกลง และที่สำคัญหากธนาคารกลางอังกฤษมีการปรับประมาณตัวเลขเศรษฐกิจลง พร้อมทั้งแสดงความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจและการเจรจา Brexit อาจจะส่งผลให้ตลาดเทขายค่าเงินปอนด์ กดดันให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าได้ต่อ

ตลาดการเงินไทย อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI YoY) จะยังคงอยู่ในระดับ 1.3% ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยตามเฟด และตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัวจะช่วยหนุนให้ตลาดยังคงเข้ามาถือบอนด์ไทยระยะยาวได้ต่อ มองกรอบค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.00-33.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันนี้ (1 พ.ย. 61) อนึ่งในช่วงนี้ค่าเงินบาท รวมทั้งค่าเงินในโซนเอเชียมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามค่าเงินหยวนของจีน หากตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาแย่เกินคาดต่อ อาจทำให้ทางการจีนยอมที่จะปรับค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าแตะระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งการปรับค่าเงินหยวนดังกล่าวสามารถส่งผลให้ค่าเงินเอเชียโดยรวมอ่อนค่าลงได้