ดอกไม้ กับ ก้อนอิฐ

01 มี.ค. 2559 | 02:30 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ข่าวใหญ่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ใช่แค่การที่ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศ ถึงเรื่องการเมืองไทย การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมการแบะท่าเจรจาทางการเมืองกับฝ่ายรัฐบาล

แต่ยังมีอดีตนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่งคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เปิดบ้านให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ โดยเรียกร้องให้รัฐบาล คสช.รีบวางมือวางอำนาจเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง

อดีตนายทหารที่ลงเล่นการเมืองตามกติกาประชาธิปไตยพูดไว้น่าฟังตอนหนึ่งว่า “คสช.เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเท่านั้น จะขออยู่ต่ออีก 5 ปีได้อย่างไร ตลอด 2 ปีที่บริหารประเทศก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร ยิ่งมีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีก็ยิ่งแย่ ถ้า คสช.อยู่ต่อแล้วอาจจะเหมือนรัฐบาลในอดีต ที่ตอนเข้ามาได้รับดอกไม้ พอออกไปกลับได้รับก้อนอิฐ”

ดอกไม้กับก้อนอิฐ ก็คือคำชมกับคำด่า

ประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกให้รู้ว่า ถ้ารัฐบาลใดสามารถบริหารบ้านเมืองได้ดีมีความสงบเรียบร้อย บริหารเศรษฐกิจได้มั่นคง พ่อค้าแม่ค้านักธุรกิจทำมาหากินได้อย่างปกติ ประชาชนก็ย่อมอยากให้รัฐบาลนั้นอยู่ได้นานๆ

แต่ถ้ารัฐบาลใดทำให้มี “บรรยากาศสงบ” แบบกดหัวประชาชน ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ห้ามชุมนุม ห้ามประท้วง ห้ามแสดงความคิดเห็น ห้ามคิดต่าง ห้ามชูป้าย ห้ามตรวจสอบทุจริต แม้กระทั่งห้ามนั่งรถไฟ โดยมีมาตรการเรียกคนคิดต่างไป ปรับทัศนคติอยู่เนืองๆ

ยิ่งถ้ารัฐบาลนั้นไร้ฝีมือในการบริหารเศรษฐกิจ ตัวเลขฟ้องว่าการค้าการลงทุนถดถอยอยู่ทุกเดือน เอาแต่อ้างว่าเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้น แต่เพื่อนบ้านที่เคยดูถูกว่าไม่เอาไหนกลับเติบโตแซงหน้า

บรรยากาศเช่นนี้แรกๆชาวบ้านอาจให้โอกาสทำงาน นานไปก็มีคำติ ต่อไปก็ตำหนิ แล้วพัฒนาเป็นแรงต่อต้านจนถึงขับไล่ในที่สุด

ผู้นำรัฐบาลที่ฟังเสียงประชาชนจะอ่อนไหวในเรื่องเหล่านี้

แต่ผู้นำรัฐบาลที่ชอบพูดอยู่ฝ่ายเดียวหน้าจอทีวี และจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทุกทีที่ถูกจี้ถูกซักถาม มักจะมองข้ามเสียงสะท้อนในเชิงลบ

ตรงกันข้ามเขาจะพอใจกับข้อมูลลอยลมที่สร้างภาพบวก ดังเช่นที่โฆษกรัฐบาลเคยอ้างถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์ก กล่าวถึงดัชนีความทุกข์ยากประจำปี 2559 และพูดถึง 15 อันดับประเทศที่มีความสุขในเชิงเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก โดยระบุว่าประเทศไทยสุขที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน เพราะอัตราการว่างงานและเงินเฟ้อต่ำ

รัฐบาล คสช.บริหารมาเกือบ 2 ปี ประเทศไทยสุขสุดๆ 2 ปี !?!

แต่ถ้าเอาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยไปเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียน เรากลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะภาคส่งออกยังไม่ฟื้นจากเหว การลงทุนมีตัวเลขขอบีโอไอเป็นแสนล้านแต่ไม่ค่อยมีใครอยากใส่เม็ดเงิน เพราะความสุขในชาติภายใต้การรัฐประหาร ไม่อาจตอบโลกภายนอกที่สร้างแรงบีบเข้ามาเรื่อยๆทั้งในรูปของมาตรฐานการบิน ประมงผิดกฎหมาย ขบวนการค้ามนุษย์ ยาเสพติด ฯลฯ

“อำนาจการเมือง” ที่มาจากการรัฐประหาร เมื่อเปลี่ยนจากผิดเป็นถูกไปแล้ว ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งติดใจ ท่านบอกว่าไม่สืบทอด แต่ทำท่าจะอยู่ดูแลช่วงเปลี่ยนผ่าน ท่านบอกว่าไม่ยึดครอง แต่ทำท่าจะอยู่ปฏิรูปให้สำเร็จ

เสียงเตือนจากบิ๊กจิ๋วก็แค่จิ้งจกทัก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,135
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม พ.ศ. 2559