กรรมการไอเฟคเข้ม! เตรียมผ่าตัดโครงสร้างบอร์ด-ผู้บริหารบริษัทลูกยกชุด 45 บริษัท ลั่น! ป้องกันทรัพย์สิน-เงินถูกถ่ายโอนออกไป หลังจากบริษัทลูกทั้งหมดที่บริหารโดย "หมอวิชัย-ศุภนันท์" สั่งระงับโอนเงินให้ไอเฟคนานกว่า 2 เดือน มากกว่า 60 ล้านบาท
แหล่งข่าวจาก บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในเร็ว ๆ นี้ กรรมการของบริษัท (พล.ต.บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ และนายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ) จะเข้าไปปรับโครงสร้างบริษัทลูกของไอเฟคทั้ง 45 บริษัท โดยจะเปลี่ยนกรรมการและโครงสร้างผู้บริหารทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้อำนาจในทางที่ผิด ถ่ายโอนทรัพย์สินหรือนำเงินออกไปใช้ผิดประเภท ทั้งนี้ ไอเฟคถือหุ้น 100% ในบริษัทลูกทุกแห่ง ยกเว้น บริษัทอินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วินด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (บจก.) หรือ I-WIND (ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม) ที่ไอเฟคถือหุ้น 8% ที่เหลืออีก 20% ถือหุ้นโดย นายสุเมธ สุทธภักดิ
โดยบริษัทลูกของไอเฟค ปัจจุบัน มีนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ (หมอวิชัย อดีตประธานกรรมการไอเฟค) นั่งเป็นประธาน และคนใกล้ชิดหมอวิชัย คือ นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ (อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารไอเฟค) นายศุภกร แย้มงามเหลือ (อดีตรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไอเฟค) และนายวีรศักดิ์ พรรณสวัสดิ์ (เพื่อนหมอวิชัย ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม) เป็นผู้บริหาร
ที่ผ่านมา บริษัทลูกดังกล่าวจะต้องโอนเงินให้ไอเฟค เนื่องจากเป็นเงินค่าบริหาร (ด้านวิศวกร, การบริหารด้านบัญชี ฯลฯ) ประมาณเดือนละ 30 ล้านบาท แต่ได้หยุดนำส่งมานานกว่า 2 เดือนแล้ว แต่กลับโอนเงินจำนวนนี้เข้า บจก.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ หรือ
"ไอ-เทอมอล" บริษัทลูกอีกแห่งแทน
"กรรมการไอเฟคกังวลว่า หากไม่มีการปรับโครงสร้างผู้บริหาร อาจจะทำให้เกิดการรั่วไหลของทรัพย์สินและการใช้เงินผิดประเภทได้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่บริษัทในที่สุด เพราะขณะนี้ ไอเฟคไม่ต่างกับการถูกตัดท่อนํ้าเลี้ยง เพราะไม่ได้รับเงินนำส่งจากบริษัทลูก 30 ล้านบาทต่อเดือน เจตนาของผู้กระทำก็เพื่อไม่ให้บริษัทบริหารงานได้และไม่สามารถดำเนินการจัดเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ได้ และเรายังกังวลว่า บริษัท I-WIND ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำรายได้มากสุด มีกระแสเงินสด (Cash Flow) ในขณะนี้ ประมาณ 215 ล้านบาท จะถูกถ่ายโอนหรือใช้เงินไปในทางที่ผิดหรือไม่"
ที่ผ่านมา ก.ล.ต. กำลังจับตาดูว่าจะหาความผิดจากกรณีนี้ได้อย่างไร เพราะกฎหมายไม่เปิดช่องให้ ก.ล.ต. สามารถเข้าไปดำเนินการกับบริษัทลูกได้ เนื่องจากเป็นบริษัทจำกัด (บจก.) ไม่ใช่บริษัทมหาชน (บมจ.) อย่างไรก็ดี ทั้งหมอวิชัยและนายศุภนันท์ต่างถูก
"ให้ออก" ตามมาตรา 89/7 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ถือเป็นความผิดรุนแรง ทุจริตผู้ถือหุ้น และมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ จึงไม่สามารถเป็นกรรมการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) อย่างน้อย 5 ปี
"กรณีหมอวิชัยถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษไป 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2560 และเมื่อ 26 ก.พ. 2561 รวมเท่ากับ 10 ปี ขณะที่ นายศุภนันท์ถูกกล่าวหาว่า
'อินไซเดอร์' ใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ในการขายหุ้นไอเฟค และไม่ใช้หนี้มูลหนี้ 30 ล้านบาท และกำลังจะโดนมาตรา 89/7 ตามมา ซึ่งตามหลักกฎหมายไม่สามารถที่จะไปนั่งบริหารในบริษัทใด ๆ ด้วยซํ้า"
ต่อเรื่องนี้
นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ กรรมการไอเฟค กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า นับตั้งแต่ตนและ พล.ต.บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ เข้ามาบริหารที่ไอเฟค หมอวิชัยได้สั่งตัดเงินไม่ให้เข้าบริษัท ทำให้ไม่มีเงินที่จะจ้างพนักงานใหม่ รวมถึงเงินที่จะใช้จัดประชุมวิสามัญเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ จึงต้องใช้เงินส่วนตัวไปก่อน และในเร็ว ๆ นี้ ตนจะแจ้งประชุมกรรมการบริษัททั้ง 45 แห่ง ซึ่งกำลังให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ก่อนที่จะเข้าไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหาร
[caption id="attachment_340111" align="aligncenter" width="241"]
ฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ[/caption]
ก่อนหน้านี้ กรรมการไอเฟคได้มีคำสั่งให้พนักงานออกประมาณ 58 ราย เนื่องจากไม่มารายงานตัวภายใน 7 วัน และนำเอกสาร-อุปกรณ์ออกนอกบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต พนักงานดังกล่าวกระทำตามคำสั่งของหมอวิชัย โดยได้ย้ายไปทำงานที่ บจก.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ แคป แมนเนจเมนท์ หรือ I-CAP
ส่วนความคืบหน้าหลังจากศาลล้มละลายกลาง (29 ต.ค. 61) มีคำสั่งยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการไอเฟค โดยให้เหตุผลเนื่องจาก นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ไม่สามารถทำแผนได้ ประกอบกับผู้ร้องขอเพิ่งมายื่นบัญชี และมิได้เตรียมพยานมาไต่สวนตามคำร้องของผู้ร้อง
นายฉัตรณรงค์ กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ บริษัทจะเร่งดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ การจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามมาตรา 83 ซึ่งหลังจากได้รับเอกสารเพิ่มเติมจากผู้สมัครกรรมการแล้ว ถูกคัดทิ้ง 60 ราย คาดว่าเราจะใช้เวลาตรวจสอบก่อนจะส่งให้ ก.ล.ต. และภายในวันที่ 5 พ.ย. จะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อประกาศรายชื่อของกรรมการที่ผ่านคุณสมบัติจาก ก.ล.ต. ก่อนที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการไอเฟค ในวันที่ 10 พ.ย. เพื่อกำหนดวันและสถานที่ โดยคาดว่าการจัดประชุมเลือกตั้งจะมีขึ้นภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ธ.ค. หรือ ไม่เกินวันที่ 16 ธ.ค. 2561
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,414 วันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2561