กคช.เชื่อGDPพุ่งดับเบิ้ลถ้าโครงการเสร็จหมดชี้ได้อานิสงส์ขยายเมืองที่ดินมูลค่าสูงขึ้น
“การเคหะฯ”เชื่อ “จีดีพี”พุ่งดับเบิ้ลถ้าโครงการเสร็จทั้งหมด เผยได้อานิสงส์ขยายเมือง ที่ดินมูลค่าสูงขึ้น
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ(กคช.) กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีสัมมนา “ผังเมืองใหม่ –เมกะโปรเจ็กต์ : พลิกโฉม กทม.” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ในหัวข้อ “เมกะโปรเจ็กต์กับการขยายตัวของกรุงเทพฯ” ว่า โครงการของการเคหะแห่งชาติได้อานิสงส์จากการพัฒนาและขยายโครงข่ายคมนาคม ทำให้ที่ดินที่เข้าไปลงทุนมีศักยภาพมากขึ้นและเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ เพราะการขยายตัวของเมืองของกรุงเทพเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกพื้นที่ของกทม. และปริมณฑล มีศักยภาพสูงอย่างมาก
ยกตัวอย่าง โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดินแดงว่า ตอนนี้รัฐบาลใช้งบประมาณลงทุนไม่ถึง 1 พันล้านบาท จากโครงการทั้งหมดจะใช้เงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการ 8 ปี ขณะนี้มีการก่อสร้างแล้ว 1 ตึก แต่อนาคตจะต้องเป็นสมาร์ทซิตี้ 36 ตึก ดังนั้นในอนาคต เฟส 3-4 จะมีตึกขึ้นอีก 30 ตึก และคิดว่าผังเมืองตรงนี้ควรเป็นผังสีน้ำตาล อย่างไรก็ตามโครงการนี้จะมีเอกชนร่วมลงทุน โดยจะมีผลตอบแทนประมาณ 10-15% จะมีการพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส คือมี พื้นที่คอมเมอร์เชียล มีพื้นที่สีเชียว เป็นเมืองต้นแบบเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย และการจัดระเบียบ การจัดการขยะ ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข
ส่วนอีกเมกะโปรเจ็กต์ ดร.ธัชพล กล่าวถึงโครงการที่ร่มเกล้า ซึ่งเป็นจุดที่ที่ดินมีศักยภาพสูงสุด เพราะมีระยะทางห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 8 กิโลเมตร ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามีนบุรี 6 กิโลเมตร เป็นปากทางของโครงการอีอีซี จะใช้เงินลงทุนประมาณ 5 พันล้านบาท ปัจจุบันเป็นผังเมืองสีเหลือง แต่พยายามจะเจรจากับกทม.ให้ปรับเป็นผังสีน้ำตาล ประมาณการผลตอบแทนให้กับเอกชนที่ร่วมลงทุนประมาณ 20%
“ถ้าโครงการทุกโครงการของรัฐบาลบรรลุเป้าหมาย เราอาจจะได้เห็นดับเบิ้ลจีดีพีมากกว่า 4% ก็ได้ จากเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลนี้”
ผู้ว่าการการเคหะฯ ยังฉายภาพให้เห็นการจัดหาที่อยู่อาศัยว่า ในแผนแม่บท 20 ปีของกคช.จะกำหนดที่อยู่อาศัยตามกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ข้าราชการ ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย และผู้อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า(TOD) กคช.จะเปลี่ยนบทบาทเป็นคนมอนิเตอร์และควบคุมการก่อสร้าง การลงทุนเอกชนมากขึ้น และที่ดินของรัฐจะนำมาใช้สร้างที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น ที่ยังติดปัญหาการเวนคืนของที่ดินแนวรถไฟที่กฎหมายห้ามนำไปใช้เชิงพาณิชย์ แต่รฟม.จะเสนอขออนุญาตใช้ ซึ่งแนวโน้มว่าจะได้รับการพิจารณา
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ(กคช.) กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีสัมมนา “ผังเมืองใหม่ –เมกะโปรเจ็กต์ : พลิกโฉม กทม.” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ในหัวข้อ “เมกะโปรเจ็กต์กับการขยายตัวของกรุงเทพฯ” ว่า โครงการของการเคหะแห่งชาติได้อานิสงส์จากการพัฒนาและขยายโครงข่ายคมนาคม ทำให้ที่ดินที่เข้าไปลงทุนมีศักยภาพมากขึ้นและเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ เพราะการขยายตัวของเมืองของกรุงเทพเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกพื้นที่ของกทม. และปริมณฑล มีศักยภาพสูงอย่างมาก
ยกตัวอย่าง โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดินแดงว่า ตอนนี้รัฐบาลใช้งบประมาณลงทุนไม่ถึง 1 พันล้านบาท จากโครงการทั้งหมดจะใช้เงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการ 8 ปี ขณะนี้มีการก่อสร้างแล้ว 1 ตึก แต่อนาคตจะต้องเป็นสมาร์ทซิตี้ 36 ตึก ดังนั้นในอนาคต เฟส 3-4 จะมีตึกขึ้นอีก 30 ตึก และคิดว่าผังเมืองตรงนี้ควรเป็นผังสีน้ำตาล อย่างไรก็ตามโครงการนี้จะมีเอกชนร่วมลงทุน โดยจะมีผลตอบแทนประมาณ 10-15% จะมีการพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส คือมี พื้นที่คอมเมอร์เชียล มีพื้นที่สีเชียว เป็นเมืองต้นแบบเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย และการจัดระเบียบ การจัดการขยะ ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข
ส่วนอีกเมกะโปรเจ็กต์ ดร.ธัชพล กล่าวถึงโครงการที่ร่มเกล้า ซึ่งเป็นจุดที่ที่ดินมีศักยภาพสูงสุด เพราะมีระยะทางห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 8 กิโลเมตร ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามีนบุรี 6 กิโลเมตร เป็นปากทางของโครงการอีอีซี จะใช้เงินลงทุนประมาณ 5 พันล้านบาท ปัจจุบันเป็นผังเมืองสีเหลือง แต่พยายามจะเจรจากับกทม.ให้ปรับเป็นผังสีน้ำตาล ประมาณการผลตอบแทนให้กับเอกชนที่ร่วมลงทุนประมาณ 20%
“ถ้าโครงการทุกโครงการของรัฐบาลบรรลุเป้าหมาย เราอาจจะได้เห็นดับเบิ้ลจีดีพีมากกว่า 4% ก็ได้ จากเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลนี้”
ผู้ว่าการการเคหะฯ ยังฉายภาพให้เห็นการจัดหาที่อยู่อาศัยว่า ในแผนแม่บท 20 ปีของกคช.จะกำหนดที่อยู่อาศัยตามกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ข้าราชการ ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย และผู้อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า(TOD) กคช.จะเปลี่ยนบทบาทเป็นคนมอนิเตอร์และควบคุมการก่อสร้าง การลงทุนเอกชนมากขึ้น และที่ดินของรัฐจะนำมาใช้สร้างที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น ที่ยังติดปัญหาการเวนคืนของที่ดินแนวรถไฟที่กฎหมายห้ามนำไปใช้เชิงพาณิชย์ แต่รฟม.จะเสนอขออนุญาตใช้ ซึ่งแนวโน้มว่าจะได้รับการพิจารณา
