การฟื้นความเชื่อมั่นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ครั้งนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้งเพราะมีเรื่องของความดราม่า ทางโซเชียลเข้ามาเกี่ยวข้องต่างจากระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์หรือวิกฤติทัวร์จีนครั้งก่อน ๆ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องคิดหนัก ท่ามกลางแรงกดดันของผู้ประกอบการ โรงแรม เอเย่นต์ทัวร์ ตลาดทัวร์จีนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
แนวคิดเรื่องการใช้ยาแรง ฟื้นตลาด อย่างมาตราการเรื่องวีซ่า จึงเป็นสิ่งที่เอกชนผลักดันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นฟรีวีซ่า วีซ่าแบบดับเบิลเอ็นทรี Double Entry Visa คือเข้าประเทศไทยได้ 2 ครั้ง กระทั่งมาจบลงที่ ฟรีวีซ่าออนอัลไลวัล Visa On Arrival (VOA) แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาขอวีซ่าที่สนามบิน
ห่วงตรุษจีนตลาดไม่ฟื้น
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยอมรับว่าการฟื้นตลาดทัวร์จีนครั้งนี้ไม่ง่าย จะทำอย่างไรให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ทั้งคนไทยและคนจีน ที่ต้องทำพร้อมกัน เพราะมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต่างจากที่ผ่านมา มาตรการวีซ่า ถือเป็นการอำนวยความสะดวก เป็นการแสดงออกให้เห็นว่าเรามีน้ำใจ ที่หยิบยื่นให้ ไม่ใช่การ ลด แลก แจก แถม และเป็นการดำเนินการเพียงช่วงสั้นๆ แค่ 2 เดือนเท่านั้น ทั้งยังเป็นการเปิดให้ 21 ประเทศไม่ใช่แต่เฉพาะจีน
[caption id="attachment_336826" align="aligncenter" width="503"]
ยุทธศักดิ์ สุภสร[/caption]
โดยททท.จะหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งแม้จะอนุมัติปุ๊ปก็ใช่ว่าจะมีผลทันที แต่เราต้องรีบทำ อยากให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ถึงวันที่ 15 มกราคม 2562 เพียง 2 เดือนเท่านั้น และถ้าไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยว ตลาดทัวร์จีนที่ผ่านมา 3 เดือนก็ฟื้นแล้ว แต่นี่เดือนตุลาคมหลังโกลเด้นวีค(วันชาติจีน) ตัวเลขเหมือนตกท้องช้าง เอกชนห่วงว่าตรุษจีนต้นปีหน้าที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาหรือเปล่า
ส่วนการจะเป็นแชมป์หรือไม่ ไม่สำคัญในมุมมองเอกชนไม่มั่นใจ เพราะช่วงพีคนักท่องเที่ยวจีนเคยมาไทยถึงวันละ 5 หมื่นคนช่วงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ วันตรุษจีนผมจำได้แม่น แต่หลังเหตุการ เรือล่มเหลือวันละ 2 หมื่นคนและส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเอง
( เอฟไอที) หรือราวเดือนละ 6 แสนคน จากช่วงปรกติเดือนละ 8 แสนคน ขณะที่เดือนมกราคม กุมภาพันธ์มีนักท่องเที่ยวถึงเดือนละ 1 ล้านคน
กลัวชาร์เตอร์ไฟลต์ทิ้งสลอตบิน
ผู้ว่าการ ททท. ยังระบุอีกว่า ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวลด มาจาก 2 สาเหตุคือ เรือล่มและเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ส่งผลถึงค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง ซึ่งหากเราไม่ทำอะไรเลย ก็จะเสียโอกาสสมมุติว่านักท่องเที่ยว 1 คนใช้จ่ายเงินคนละ 5 หมื่นบาท คำนวนคราวๆ 2 เดือนหลังถ้าดึงนักท่องเที่ยวมาได้ 1.5 ล้านคนก็จะสร้างรายได้ 7.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่สูญเสียรายได้จากค่าวีซ่า VOA เดือนละ 1,500 ล้านบาทหรือราว 3,000 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 12 ล้านคนตามที่เอกชนคาด แต่ถ้าไม่มีมาตรการวีซ่าคาดว่าจะได้10.5 ล้านคน
อีกทั้งตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลต์ หรือเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำที่แทบไม่มีผู้โดยสาร แต่เพื่อรักษาสลอตบิน ทำให้ยังไม่ยกเลิกเที่ยวบิน แต่ขายตั๋วถูกมากมีคนส่งข้อมูลมาบอกว่าเดี๋ยวนี้ขายทัวร์รัสเซียแถมไทยแล้ว เพราะหากหยุดบินการจะกลับมาได้สลอตบินอีกครั้งสำหรับเมืองไทยเป็นเรื่องที่ยากมากเพราะสนามบินจะเอาสล็อตไปให้สายการบินชาติอื่นแทน ซึ่งต้องดูว่ามีจำนวนและการใช้จ่ายเหมือนจีนหรือไม่ เพราะอย่างไรเสียช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวไทยยังได้ตลาดทัวร์จีนเข้ามาเสริม นอกจากนี้ยังต้องใช้เวลา 3-6 เดือน ในการรีสเก็ตบินใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา 2 ปีไทยพยายามแก้ปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญจนอาเซียนยกเป็นแบบอย่าง ซึ่งททท.จะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมคุยกับภาคเอกชน พบว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนจะไม่หวือหวา เติบโต 20-30 % ก้าวกระโดดเหมือนแต่ก่อน แต่ละโตปีละ 10 % เท่านั้นเพราะขีดจำกัด ทางด้านเที่ยวบิน สิ่งอำนวยความสะดวกในการรองรับ ที่ไม่สามารถเพิ่มได้
โปรโมทตลาดควบคู่เซฟตี้
ส่วนมาตรการส่งเสริมตลาดที่ ททท.วางแผนไว้จะมีอีก 3 เรื่องคือ 1. มาตรการด้านการตลาด 2. เรื่องความปลอดภัยและ 3. เรื่องการฟื้นฟูภาพลักษณ์ ทั้ง 3 เรื่องเป็นสิ่งที่ททท.จะต้องเร่งดำเนินการขณะนี้ได้มีการสั่งการให้ สำนักงานทั้ง 5 แห่งในจีน ปักกิ่ง เชียงไฮ้ กวางโจว เฉินตู คุนหมิง ไปดำเนินการแล้ว
ด้านการตลาดรูปแบบ จะมีการจัดงาน อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ โรดโชว์ การรวมกับสมาคมโรงแรมไทย บริษัทนำเที่ยว สายการบินต่างๆ ทั้งบินประจำและเช่าเหมาลำ จัดแคมเปญการตลาดส่งเสริมนักท่องเที่ยวคุณภาพ มาเที่ยวเมืองไทย โดยททท.จะให้การสนับสนุน ซี่งจะมีการใช้งบประมาณของปี 2562 ที่มีอยู่มาใช้
อาจจะเพิ่มเติมสมทบอีกสำนักงานละ 10 ล้านบาท ดูตามความจำเป็น แต่ต้องเน้นเชิงคุณภาพ เทียบเคียงกับการใช้งบช่วงเกิดปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ เน้นการส่งเสริมเมืองรอง ซึ่งเที่ยวบินเช่าเหมาลำส่วนใหญ่จะมาจากเมืองรอง เน้นการโฆษณาผ่านสื่อ โซเชียล มีเดีย ยอดนิยมของจีน Dou Yin หรือTik Tok ที่มีผู้ใช้รายเดือนกว่า 500 ล้านราย
เรื่องความปลอดภัยมีการร่วมมือกับภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว กำหนดเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย เช่นกำหนดอายุการใช้รถ การตรวจเช็คสภาพ กำหนดมาตรฐานผู้ขับขี่ อบรม Lifeguard โดยเชิญผู้มีชื่อเสียงมาสาธิตให้การ์ดไทย ปรับโปรแกรมนำเที่ยวให้เหมาะสมงดจัดโปรแกรมพานักท่องเที่ยวจีนเที่ยวทางน้ำ 12 ชั่วโมงหลังลงจากเครื่องบิน ฯลฯ
สำหรับตัวเลขรายได้ปีนี้ ททท.ตั้งเป้าไว้ 3 ล้านล้านบาท เป็นตลาดต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท ในประเทศ 1 ล้านล้านบาท และ1 ใน3 ของรายได้จากตลาดต่างประเทศมาจากตลาดนักท่องเที่ยวจีน ถ้าวูบไปย่อมเกิดผลกระทบแน่นอน สิ่งที่ทำควบคู่กันไปกึคือ การทำการตลาดสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยเมื่อนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวประเทศไทยและความสะดวกสบาย ว่าจะได้รับความดูแล โดย ททท.จะดำเนินการผ่าน 3 เรื่อง หลักคือ Stay safe
Eat safe และ Pay safe เพราะในสถานการณ์เศรษฐกิจจีนเป็นเช่นนี้เราจะไว้ใจได้อย่างไรว่านักท่องที่ยวจีนจะกลับมา