กำลังซื้อโค้งท้ายฟื้น! บิ๊กธุรกิจแนะผู้ประกอบการปรับแผนกระตุ้นยอด

18 ต.ค. 2561 | 06:19 น.
บิ๊กธุรกิจฟันธง! ไตรมาส 4 ฟื้นตัว ชี้ปัจจัยบวกสำคัญ "เลือกตั้ง" ขณะที่ เทศกาลปีใหม่หนุนภาคอุตสาหกรรมคึกคัก หลัง 3 ไตรมาส ค่อนข้างชะลอตัว แนะผู้ประกอบการในตลาดเร่งอัดแคมเปญดันยอดขายโค้งท้าย



mp36-3410-a

ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาของเมืองไทยจะค่อนข้างชะลอตัว และส่งผลกระทบต่อยอดขายของผู้ประกอบการในหลายภาคธุรกิจ แต่ทว่าภายหลังภาครัฐประกาศการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการที่จะมีขึ้นในปีหน้า แนวโน้มในหลายอุตสาหกรรมของเมืองไทยก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงปลายปีนี้ ที่นอกจากจะได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้งแล้ว ยังมีเรื่องของเทศกาลปีใหม่ที่เข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการไดรฟ์ยอดขาย

 

[caption id="attachment_333433" align="aligncenter" width="389"] ทวี ปิยะพัฒนา ทวี ปิยะพัฒนา[/caption]

นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพีฯ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.) ภาพรวมการเติบโตในทุกอุตสาหกรรมของเมืองไทยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมานั้นชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด สังเกตได้หลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นมา ที่ภาคประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีการจับจ่าย ซึ่งการชะลอตัวของภาคประชาชนส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกลุ่มรากหญ้า หรือ ภาคการเกษตร ไม่มีกำลังซื้อ ไม่ว่าจะเป็น ผลผลิตที่ไม่ได้ราคา และผลกระทบที่ได้รับจากปัญหาภัยธรรมชาติในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ ช่วงต้นไตรมาส 4 นี้ มองว่ากำลังซื้อจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก เนื่องจากประชาชนยังคงรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอยู่ แต่มองว่าหลังจากช่วงเดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไป ซึ่งภาครัฐประกาศโครงการต่าง ๆ พร้อมทั้งการประกาศเลือกตั้งที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น จะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้กำลังซื้อและหลายภาคธุรกิจในช่วงปลายปีเริ่มฟื้นตัว

"ต้องยอมรับว่า จากผลกระทบเรื่องกำลังซื้อและภาพรวมเศรษฐกิจ ส่งผลให้ปีนี้ภาพรวมธุรกิจหลายอย่างค่อนข้างหดตัว แม้กระทั่งในกลุ่มธุรกิจอาหารก็ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด แต่เชื่อว่าหลัง พ.ย. นี้เป็นต้นไป ภาพรวมเศรษฐกิจ กำลังซื้อ อารมณ์การจับจ่ายจะดีขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากการประกาศเลือกตั้งที่จะส่งเม็ดเงินสะพัดกว่า 1 หมื่นล้านบาท ไปยังท้องถิ่นต่าง ๆ"

ทั้งนี้ ในส่วนของพีเอฟพีเอง แม้ภาพรวมตลาดปีนี้จะยังชะลอตัวอยู่ แต่ทว่าแผนการดำเนินงาน รวมทั้งยอดขายของบริษัทยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วงไตรมาส 4 นี้ ยังไม่มีแผนการจัดแคมเปญแต่อย่างใด เนื่องจากต้องการรอดูสถานการณ์ในตลาดเสียก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ปีหน้าบริษัทมีแผนเปิดตัวแคมเปญใหญ่ในการกระตุ้นตลาดอย่างแน่นอน

 

[caption id="attachment_333434" align="aligncenter" width="338"] วรวุฒิ อุ่นใจ วรวุฒิ อุ่นใจ[/caption]

ด้าน นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ทิศทางการเติบโตในธุรกิจค้าปลีกของเมืองไทยมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท นับจากนี้จะมีแนวโน้มสดใสมากยิ่งขึ้น โดยภาพรวมสิ้นปีคาดการณ์ว่าน่าจะโต 3.9-4% จากครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการเติบโต 3.9% ทั้งนี้ แนวโน้มการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการประกาศเลือกตั้ง ส่งผลให้บรรยากาศทางการเมืองในปีหน้าเป็นไปในทิศทางบวก กำลังซื้อในกลุ่มรากหญ้าที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการจะอาศัยจังหวะที่สัญญาณเป็นบวกนี้ จัดแคมเปญกระตุ้นต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่สดใสและเป็นการกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่ถือเป็นช่วงไฮซีซันอยู่แล้ว โดยมีทั้งเทศกาลปีใหม่ เทศกาลของขวัญที่หลายคนจะจับจ่ายใช้สอย จะส่งผลให้ภาพรวมตลาดเริ่มฟื้นกลับมา ขณะที่ สภาพอากาศที่เริ่มเย็นลงในช่วงปลายปี ก็จะเหมาะกับการท่องเที่ยวที่คึกคักขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกคึกคักลากยาวไปจนถึงปีหน้าได้อีกด้วย


????????????????????????????????????

ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องของผู้ประกอบการที่มีการปรับตัวเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เช่น ระบบโค้ช ระบบเก็บชำระเงิน ระบบการโฆษณาในร้านค้า การวางสินค้าใหม่ ๆ ระบบออโตโมชันใหม่ ๆ รวมถึงการสรรหาสินค้าที่หลากหลายเข้ามาใช้ ถือว่าตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของแคมเปญ โปรโมชันต่าง ๆ ที่แต่ละศูนย์การค้าที่จะโหมแคมเปญ เพื่อสร้างสีสันพร้อมกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี อีกทั้งยังมีเทศกาลของขวัญของฝาก จึงมั่นใจว่าภาพรวมตลาดช่วงปลายปีนี้ฟื้นตัวอย่างแน่นอน

 

[caption id="attachment_333435" align="aligncenter" width="334"] เศรษฐวุฒิ จิวังกูร เศรษฐวุฒิ จิวังกูร[/caption]

นายเศรษฐวุฒิ จิวังกูร ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น กลุ่มบริษัททีเอพีฯ กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชนช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งนี้ เป็นผลมาจากช่วงไตรมาสสุดท้ายถือเป็นของการเฉลิมฉลองที่ผู้คนจะออกมาสังสรรค์ จับจ่ายซื้อของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นภาพรวมธุรกิจให้ดีขึ้น ขณะที่ ภาพรวมตลาดเบียร์มูลค่ากว่า 1.4 แสนล้านบาท เมืองไทยช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ติดลบอยู่ที่ 3.8% ซึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนัก คือ กลุ่มเบียร์เมนสตรีม ที่มีมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 90% ของตลาดรวมเบียร์เมืองไทย ขณะที่ กลุ่มเบียร์พรีเมียม มูลค่า 6,500 ล้านบาท หรือมีสัดส่วน 4.6% ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย

"ปัจจัยลบที่ทำให้ภาพรวมตลาดเบียร์ในช่วงที่ผ่านมาติดลบ หลัก ๆ เป็นผลมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงินของประชาชนให้จับจ่ายน้อยลง และเลือกที่จะเก็บเงินไว้จับจ่ายในช่วงเฉลิมฉลองหรือเทศกาลสำคัญมากกว่า ซึ่งช่วงไตรมาส 4 ถือว่าเป็นช่วงที่ผู้คนจะออกมาเฉลิมฉลองกันและเป็นช่วงไฮซีซันของหลายกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ถือเป็นช่วงเพรสทิจอยู่แล้ว โดยมองว่าแต่ละแบรนด์จะมีการออกมาจัดเทศกาลเฉลิมฉลอง โดยเฉพาะเทศกาลลานเบียร์ ที่ปีนี้จะมีการจัดยาวนานถึง 2 เดือน พ.ย.-ธ.ค. จึงทำให้เชื่อว่าภาพรวมตลาดช่วงโค้งท้ายนี้จะฟื้นอย่างแน่นอน"


Heineken presents Sensation Rise_5

ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี บริษัทจะโฟกัสไปที่เทศกาลลานเบียร์ เพื่อเป็นการต้อนรับช่วงไฮซีซันและเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง โดยได้เตรียมจัดเทศกาลลานเบียร์ บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่ช่วง พ.ย. - ธ.ค. เบื้องต้น อยู่ระหว่างการพิจารณาคอนเซ็ปต์ในการสื่อสารแบรนด์และการจัดงาน โดยมั่นใจว่า ปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมในลานเบียร์ของไฮเนเก้นที่ 1,000 คนต่อวัน พร้อมกันนี้ยังได้เดินหน้ากระตุ้นตลาด พร้อมทั้งเป็นการสื่อสารแบรนด์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้วยการเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการตลาดภายใต้กลยุทธ์ มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง กับคอนเสิร์ต Sam Smith: The Thrill of It All Tour ด้วยกิจกรรมออนไลน์ "Name Sam’s Songs" เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าภาพรวมตลาดเบียร์ในปีนี้จะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยแบรนด์ไฮเนเก้นยังคงเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มตลาดพรีเมียม โดยมีส่วนแบ่งตลาด 88.3% และ 4.2% ในตลาดรวม ขณะที่ ยอดขายที่มาจากช่วงไตรมาสสุดท้ายคิดเป็น 30% จากยอดขายตลอดทั้งปี


หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,410 ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2561

e-book-1-503x62