เปิดโพล! คนไทยอยากได้ "ส.ส.-พรรคการเมือง" แบบไหนในการเลือกตั้งปีหน้า

14 ต.ค. 2561 | 05:11 น.
"สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจเรื่อง "คนไทยเลือกผู้สมัครและเลือกพรรคอย่างไร? ไปเป็น ส.ส." ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน พบว่า แชมป์อันดับ 1 ของผู้สมัคร ส.ส. ที่ประชาชนจะเลือกมากที่สุด 58.74% จะต้องเป็นคนดี ประวัติดี การศึกษาดี ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม นอกจากนี้ พรรคการเมืองที่จะเลือกต้องมีนโยบายดี ถูกใจประชาชน ทำได้จริง เน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 53.83%

ขณะที่ นโยบายในการช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน แก้ปัญหาหนี้สิน ความยากจน ถูกยกขึ้นมาเป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่ง 47.93% และอีก 46.26% มีความวิตกกังวลในเรื่อง การทะเลาะเบาะแว้ง การเคลื่อนไหวทางการเมือง บ้านเมืองไม่สงบ

สรุปความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดย "สวนดุสิตโพล" จากการสำรวจประชาชนจำนวนทั้งสิ้น 1,073 คน ระหว่างวันที่ 10-13 ต.ค. 2561 ดังนี้

1.ประชาชนจะเลือกผู้สมัครแบบใด? ไปเป็น ส.ส.
1.เป็นคนดี ประวัติดี การศึกษาดี ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม 58.74%
2.ขยัน ทำงานเก่ง มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทางการเมือง 33.33%
3.เป็นผู้นำ มีวิสัยทัศน์ เป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย มีแนวคิดใหม่ ๆ 26.07%
4.เป็นกันเอง เข้าถึงประชาชน พูดจาดี สุภาพ จริงใจ ไม่สร้างภาพ 23.50%
5.มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก มีผลงาน เป็นที่ยอมรับ 17.86%

2.พรรคการเมืองแบบใด? ที่จะทำให้ตัดสินใจเลือกผู้สมัครพรรคนั้น ๆ เป็น ส.ส.
1.มีนโยบายดี ถูกใจประชาชน ทำได้จริง เน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 53.83%
2.เป็นพรรคที่เข้มแข็ง มั่นคง มีอุดมการณ์ 35.71%
3.หัวหน้าพรรคมีภาพลักษณ์ดี เป็นผู้นำ เป็นที่ยอมรับ 19.36%
4.มีการทำงานเป็นทีม ระบบการบริหารจัดการภายในพรรคดี เข้าถึงประชาชน 14.39%
5.มีการคัดเลือกว่าที่ผู้สมัครอย่างเหมาะสมและสนับสนุนอย่างเต็มที่ 11.70%


81956



3.นโยบายหาเสียงเรื่องอะไร? ที่จะทำให้ถูกใจและเลือกไปเป็น ส.ส.
1.ดูแลช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน แก้ปัญหาหนี้สิน ความยากจน 47.93%
2.เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว/สร้างรายได้เข้าประเทศ 45.85%
3.พูดจริงทำจริง ทำตามสัญญา พัฒนาจังหวัด ท้องถิ่นให้เจริญ 33.92%
4.พัฒนาระบบขนส่งมวลชน การคมนาคม การศึกษา พลังงานและสิ่งแวดล้อม 28.01%
5.ส่งเสริมประชาธิปไตย สร้างความเข้มแข็งทางการเมือง บ้านเมืองสงบเรียบร้อย 17.22%

4.ประชาชนมีความวิตกกังวลเรื่องอะไร? ในการเลือกตั้งต้นปีหน้า (ปี 2562)
1.การทะเลาะเบาะแว้ง การเคลื่อนไหวทางการเมือง บ้านเมืองไม่สงบ 46.26%
2.ความไม่พร้อมของการจัดเลือกตั้ง อาจต้องเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีก 38.50%
3.การทุจริต โกงเลือกตั้ง ซื้อเสียง ได้คนไม่ดีเข้ามาทำงาน 26.52%
4.การออกไปใช้สิทธิ การรับรู้ข่าวสารเลือกตั้งของประชาชน 24.12%
5.การใช้งบประมาณในการจัดการเลือกตั้งจำนวนมาก ไม่คุ้มค่า 14.53%


โปรโมทแทรกอีบุ๊ก