ครม.อนุมัติ 6.5พันล้าน ช่วยไร่อ้อย3.4แสนราย

10 ต.ค. 2561 | 10:21 น.
ครม.อนุมัติ 6.5พันล้าน ช่วยไร่อ้อย3.4แสนราย

 

วันที่ 10 ต.ค.61 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต โดยขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็นประจำปีงบประมาณ 2562 จำนวน  6,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่กำลังมีการปรับโครงสร้างอ้อยและน้ำตาล ประกอบกับขณะนี้ราคาตลาดโลกตกต่ำเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาปัจจัยการผลิตหลัก เช่น ปุ๋ย และยาปราบศัตรูพืชมีราคาสูงขึ้นมาก ชาวไร่อ้อยได้รับผลกระทบจากทั้งด้านราคาที่ตกต่ำ และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงระบบอ้อยและน้ำตาลทรายใหม่ ทำให้รัฐไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงหรือพยุงราคาได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา


IMG_0005

จึงช่วยดูแลปัจจัยการผลิตให้กับชาวไร่อ้อยที่ลงทะเบียนกับสํานักงานคณะกรรมการอ้อยจำนวน 3.4 แสนราย ที่เป็นคู่สัญญากับโรงงานทั้ง 54 โรงงาน ในรอบปีการผลิต 2561/2562 ซึ่งตัวเลขมาจากการประมาณการอ้อยในปีหน้าว่าจะมีผลผลิตออกมาประมาณ  130 ล้านตัน  โดยจะเป็นการช่วยเหลือเงินซื้อปัจจัยการผลิต 50 บาทต่อตัน ซึ่งใช้งบประมาณ  6,500 ล้านบาท รายละไม่เกิน 5 พันตัน หรือไม่เกิน 2.5 แสนบาทต่อราย  หน่วยงานที่จะจ่ายเงินคือ ธนาคารธกส. ที่จะจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงไม่ผ่านใคร อยู่ภายใต้ระเบียบองค์การการค้าโลก (WTO) ที่รัฐบาลสามารถช่วยเหลือได้

 

นอกจากนี้ ยังมีการให้นำเงินในระบบอุตสาหกรรมอ้อยจำนวนกว่า 9 พันล้านบาท มาจ่ายให้กับเกษตรกรก่อนล่วงหน้า ซึ่งไม่ใช่งบประมาณ ส่วนนี้จะช่วยเหลืออีก 70 บาทต่อตัน ส่วนนี้โรงงานจะจ่ายโดยตรงให้กับเกษตรกรเช่นกัน

 

นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่ใช่ว่าเกษตรกรทุกคนจะได้เงิน 2.5 แสนบาท เพราะตามความเป็นจริงบางรายอาจจะมีอ้อยหลายหมื่นตัน แต่เราจำกัดที่ไม่เกิน 5 พันตัน แต่รายเล็กจะเฉลี่ยอยู่ที่รายละ 500 ตัน ดังนั้นมติครม.จึงจะจ่ายความเป็นจริง และยืนยันว่าอ้อยทุกตันที่เข้าโครงการจะถูกตรวจสอบผ่านการลงทะเบียนของชาวไร่อยู่แล้ว เพราะมีการควบคุมโดยเจ้าหน้าที่อยู่ที่โรงงาน

IMG_0014

“รวมแล้วมาตรการนี้ใช้เงินประมาณ 1.5 หมื่นล้าน เป็นการใช้งบ 6.5 พันล้านบาท ส่วนอีก 9 พันกว่าล้านเป็นเงินในระบบของอุตสาหกรรมที่โรงงานนำมาจ่ายล่วงหน้า เมื่อถึงปลายปีโรงงานก็จะเก็บ หากราคาสูงขึ้นโรงงานก็จะนำมาพิจารณาว่าจะเก็บอย่างไรเพื่อดูแลเกษตรกร ซึ่งเรื่องนี้เราได้คุยกับภาคเอกชนแล้ว เป็นส่วนที่ภาคเอกชนเขาจะดูแลกันเอง”นายสมชาย กล่าว

e-book-1-503x62-7