"ดอน" ย้ำ! ขอตัว "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" กลับมาดำเนินคดี เป็นหน้าที่ของตำรวจ กระทรวงต่างประเทศมีงานสำคัญกว่าที่ต้องดำเนินการ แจงกรณี "บิ๊กตู่" และ "ทักษิณ" ไปญีปุ่นในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกัน ไม่ควรนำมาเชื่อมโยงกัน
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคลื่อนไหวที่เกาะฮ่องกง ว่า กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า เพียงแต่รับรู้ว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร เพราะการดำเนินการขอตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยนั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจ
ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น และนายทักษิณก็เดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันนั้น นายดอน กล่าวยืนยันว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ไม่ควรนำเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกัน
"ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ หารือกับ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นนั้น นายอาเบะไม่ได้มีการสอบถามเกี่ยวกับการเลือกตั้งของไทย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงไปว่า ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 และทุกอย่างจะเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมชี้แจงด้วยว่า ในอดีตประเทศไทยไม่เคยมียุทธศาสตร์มาก่อน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะชี้แจงถึงการเลือกตั้งกับทุกประเทศที่เดินทางไปในช่วงนี้ใช่หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเล่าให้ต่างประเทศรู้ว่าในบ้านเราเกิดอะไรขึ้น แม้ต่างประเทศจะไม่ได้ถาม แต่ไม่ใช่เป็นการสัญญากับต่างประเทศว่าจะจัดการเลือกตั้งได้ในช่วงใด ซึ่งหลายประเทศก็รับทราบจากข่าวว่าไทยจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562
เมื่อถามว่า ท่าทีของต่างประเทศเชื่อมั่นในการเลือกตั้งหรือไม่ เนื่องจากเราเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว นายดอน กล่าวว่า ต่างชาติเข้าใจเหตุผลที่ต้องเลื่อนการเลือกตั้งแต่ละครั้ง โดยรับทราบทุกขั้นตอน ไม่ได้ติดใจถึงการเลื่อนที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ต่างประเทศเฝ้าจับตาการเลือกตั้งในไทยนั้น ไม่ใช่เพราะในแต่ละประเทศมีเรื่องอื่นที่ต้องสนใจมากกว่าเรื่องนี้
"ตราบใดที่ประเทศไทยยังดำเนินไปอย่างสงบสุข มีความสงบเรียบร้อย ต่างประเทศก็ยินดี เขาจะถามเพียงเพื่อรับรู้ เพื่อจะได้ตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจ" นายดอน กล่าว
เมื่อถามว่า นักลงทุนญี่ปุ่นมั่นใจต่อผลการเลือกตั้งของไทยมากน้อยแค่ไหน นายดอน กล่าวว่า นักลงทุนบางส่วนรอผลการเลือกตั้งก่อน จึงจะตัดสินใจลงทุน ขณะที่ บางส่วนตัดสินใจที่จะลงทุนแล้ว และบางส่วนยังเห็นว่า หากการเลือกตั้งนำมาซึ่งความไม่มีเสถียรภาพ ประเทศไม่สงบเรียบร้อย ก็จะตัดสินใจย้ายฐานการลงทุน