บ้านแสนสิริ พัฒนาการ ทรงสง่าเหนือกาลเวลา สะท้อนความงามสถาปัตยกรรมยุค ‘Regency’
ทุกชนชาติบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่เปลี่ยนผ่านยุคสมัยมาหลากหลายช่วงเวลาจนกลายเป็นประวัติศาสตร์ คงไว้เพียงเรื่องราวและผลงานศิลปะที่ยังคงอยู่ให้จดจำและรำลึกถึง ครั้งหนึ่งในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 หนึ่งช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญทางสังคมและวัฒนธรรมของประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าจอร์จที่ 4 (King George IV) คาบเกี่ยวระหว่างยุคจอร์เจียนและยุควิกตอเรียน คือ ยุครีเจนซี (Regency Fra)
ยุครีเจนซี่ ถือเป็นยุคทองทางศิลปวัฒนธรรม มีสุนทรียนิยมที่รุ่งเรืองเบ่งบานขึ้น จนต่อมากลายเป็นอีกหนึ่งยุคสมัยอันรุ่มรวยไปด้วยบริบททางอารยธรรมที่โดดเด่นหลากหลายแขนง ได้รับการขนานนามให้เป็นประตูสู่ยุคใหม่ (Modern Age) ที่หล่อหลอมความสง่างามแบบยุคคลาสสิก และความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งในเรื่องงานสถาปัตยกรรม ศิลปวัฒนธรรม ประติมากรรม วรรณกรรม แฟชั่น ดนตรี ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยผลงาน การรังสรรค์อย่างงดงามอันเกิดจากความปราดเปรื่องของเหล่าบรรดานักปราชญ์ชื่อก้องโลกมากมาย จนทำให้ผืนแผ่นดินเกาะนี้มีภาพจำที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการอยู่อาศัยแบบชนชั้นสูงในลอนดอน และกลายเป็นภาพฝันของคนทั่วโลกสำหรับในการไปเยือนสักครั้งในชีวิต
หากจะให้เล่าและฉายภาพถึงยุครีเจนซีได้อย่างชัดเจน คงต้องนำเสนอผ่านเรื่องราวเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม เพราะยุคดังกล่าวมีสิ่งปลูกสร้างที่วิจิตรตระการตา ลุ่มลึกสำคัญอย่างมากมาย เช่น พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace) ที่ตั้งสง่าอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน รีเจนต์สตรีต (Regent Street) ถนนสายสำคัญอันงดงาม ที่ตอนนี้กลายเป็นแหล่งช็อปปิ้งอันเลื่องชื่อ และเธียเตอร์รอยัลเฮย์มาร์เก็ต (Theatre Royal Haymarket) โรงละครสไตล์คลาสสิก หรูหราโดดเด่นด้วยเสาสีขาวแบบคอรินเธียนขนาดใหญ่ โดยได้รับการออกแบบและต่อเติมให้ยิ่งใหญ่อลังการขึ้น จากสถาปนิกชื่อดัง “จอห์น แนช” (John Nash) ผู้ได้รับการขนานนามให้เป็นบิดาแห่งสถาปัตยกรรมรีเจนซี
อัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรมในยุครีเจนซี คือการมุ่งเน้นความหรูหราตามอารยธรรมชนชั้นสูงในอังกฤษแต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายความอบอุ่นและสง่างาม สังเกตได้จากการออกแบบและตกแต่งแบบเรียบหรูในโทนสีขาวตัดกับองค์ประกอบสีดำ นอกจากนี้ยังมีงานฝีมือเหล็กอันประณีตคุณภาพสูงคงทนถาวร สะท้อนความอลังการและความวิจิตรบรรจงของเส้นสายสไตล์รีเจนซีเฟอร์นิเจอร์ของประดับตกแต่งบ้าน นิยมผลิตด้วยไม้มะฮอกกานีเพชรนํ้างามแห่งธรรมชาติ ผิวไม้ที่เนียนละเอียดปรากฏลายไม้ชัดเจน ซึ่งแสดงถึงความรุ่งเรืองมั่งคั่งตามสไตล์อังกฤษได้อย่างลุ่มลึก
นอกจากสถาปัตยกรรมยุคทองแห่งอารยธรรมยังโดดเด่นอีกหลากหลายมิติ เช่น เครื่องเคลือบพอร์ซเลน ภาชนะถ้วยชาม แจกัน (เซรามิกคุณภาพสูง) หรือปัจจุบันรู้จักกันดีในแบรนด์“Jasperware” (แจสเปอร์แวร์) ด้านดนตรีที่ตราตรึงจนกลายเป็นบทเพลงแห่งตำนานยังมี “โวล์ฟกัง อมาดิอุส โมสาร์ต” (Wolfgang Amadeus Mozart) หรือจะเป็นบิดาแห่งซิมโฟนีและสตริงควอร์เต็ตอย่าง “ฟรานซ์ โจเซฟ ไฮเดิน” (Franz Joseph Haydn) และ “ลุดวิก แวน บีโธเฟน” (Ludwig Van Beethoven) อัจฉริยะด้านดนตรีสร้างสรรค์เพลงสุดคลาสสิกระดับโลก ที่สำคัญความเฟื่องฟูของยุคนี้ยังได้จุดประกายศาสตร์แห่งงานเขียนเลื่องชื่อ จากศิลปินที่โลกจารึกอย่าง “เจน ออสเตน” (Jane Austen) นักเขียน วรรณกรรมแนวรักโรแมนติกสะท้อนสังคมชาวอังกฤษ เจ้าของนวนิยายชื่อก้องโลก Pride and Prejudice
ด้วยอัตลักษณ์อันโดดเด่นที่ฉายภาพผ่านสถาปัตยกรรม ผลงานศิลปะด้านต่างๆ จากยุคดังกล่าว ถูกนำมารังสรรค์อย่างมีคุณค่าในโครงการแฟล็กชิพ ระดับซูเปอร์ลักชัวรีบนที่ดินผืนงาม “บ้านแสนสิริ พัฒนาการ” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากความงดงามวิจิตรบรรจงในแบบฉบับอัตลักษณ์ดั้งเดิมของยุครีเจนซีในอังกฤษ ผ่านการปลูกสร้างบ้านโทนสีขาวสลับองค์ประกอบสีดำ ให้ความรู้สึกสุขุม ทรงสง่างาม
ทุกรายละเอียดของการออกแบบสะท้อนถึงความใส่ใจที่ผู้พัฒนาต้องการสร้างให้อาคารหลังนี้เป็นดั่งมรดกอันลํ้าค่าเหนือกาลเวลาที่หล่อหลอมขนบดั้งเดิมของยุครีเจนซีเข้ามาผสมผสานได้อย่างลงตัว
“บ้านแสนสิริ พัฒนาการ” แฟล็กชิพระดับซูเปอร์ลักชัวรี จึงเป็นนิยามของการอยู่อาศัยที่นำความงามของอัตลักษณ์แห่งยุคที่รุ่มรวยเรื่องศิลปวิทยาการ มาบรรจบกับความพิถีพิถัน ของการก่อสร้างและความทันสมัยในทุกรายละเอียดไว้เพียงหนึ่งเดียว
หน้า 26-27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3407 ระหว่างวันที่ 7 - 10 ตุลาคม 2561
