หวั่นคำสั่งศาลส่อปัญหาโกลาหล ทีวีดิจิตอลคืนใบอนุญาต / PPTVทุ่มอีก 1.5 พันล้านลุยต่อ

26 ก.พ. 2559 | 06:00 น.
“เขมทัตต์” อุปนายกสมาคมวิชาชีพวิทยุฯ หวั่นศาลคุ้มครองก่อนหรือหลังชำระค่าประมูลงวด 3 ส่อปัญหาโกลาหลทยอยคืนใบอนุญาต ล่าสุดธุรกิจพีพีทีวีใจป้ำเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3 พันล้านลุยทีวีดิจิตอลต่อ

[caption id="attachment_33164" align="aligncenter" width="367"] เขมทัตต์ พลเดช  อุปนายกสมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี เขมทัตต์ พลเดช
อุปนายกสมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี[/caption]

นายเขมทัตต์ พลเดช อุปนายกสมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรณีที่มีผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว จากนี้คงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ว่าคำสั่งของศาลฯ จะออกมาก่อนหรือหลังการชำระค่าประมูลงวดที่ 3 อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ทั้งหมด ซึ่งหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองก่อนชำระค่าประมูลอาจจะทำให้มีผู้ประกอบการบางรายเตรียมคืนใบอนุญาต หรือหากคำสั่งออกมาหลังการชำระค่าประมูลก็อาจจะมีผู้ประกอบการบางรายไม่สามารถชำระเงินได้

“หากคำสั่งศาลฯ ออกมาก่อนการชำระประมูลงวดที่ 3 ไม่ว่าจะเป็นกรณีของบริษัท ไทยทีวี จำกัด หรือ 5 ช่องทีวีดิจิตอลที่เคยยื่นฟ้องศาล นั่นแสดงว่า ศาลพิจารณาเห็นความบกพร่องบางอย่างจากกสทช. ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีผู้ประกอบการบางรายขอคืนใบอนุญาต และอาจจะทำให้อุตสาหกรรมเกิดความวุ่นวายได้ แต่หากมีคำสั่งออกมาหลังการชำระค่าประมูลงวดที่ 3 ก็อาจจะมีผู้ประกอบการบางรายได้รับบาดเจ็บจากการชำระครั้งนี้เช่นกัน”

ด้านภาพรวมของอุตสาหกรรมที่ผ่านมาของทุกสถานี ค่อนข้างเติบโตได้ช้าและเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิตอลทีวีด้วยความลำบาก เนื่องจากปัจจัย 2 ส่วน คือ 1.ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การกำกับดูแลของหน่วยงาน ที่ไม่ยอมเข้าใจและมองคนละด้านกับผู้ประกอบการ จนส่งผลให้ผู้บริโภคที่ควรจะได้รับประโยชน์จากรายการคุณภาพของช่องดิจิตอลทีวีที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่สามารถรับชมและเข้าถึงได้เท่าที่ควร 2. สภาวะเศรษฐกิจของโลกและภายในประเทศที่ยังคงทรงตัว ในขณะที่ระบบเรตติ้งยังคงกระจุกตัวกับสถานีเดิมๆ ที่เน้นการวัดไปที่กลุ่มคนชั้นกลาง และรากหญ้าลงไป ทำให้คุณภาพรายการโดยรวมของสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ต้องดิ้นรนในการทำรายการที่ดูสนุก จนสัดส่วนของรายการที่เป็นสาระน้อยกว่าบันเทิง มากจนเกินไป

ขณะที่ธุรกิจพีพีทีวี เอชดี ในปี 2559 บริษัทได้เตรียมเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1.5 พันล้านบาท เป็น 3 พันล้านบาท เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานและธุรกิจแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พร้อมขยายงานด้าน NON Broadcast วางนโยบายและปรับยุทธศาสตร์เพิ่มเติมโดยเน้น Partnership & Engagement หรือการหาพันธมิตรรายการ พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อการจับมือในระยะยาว ขณะที่สัดส่วนผังรายการในปัจจุบันมีรายการประเภทข่าว 28% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยเพิ่ม Breaking News เป็น 8 ช่วง ต่อวัน และรายการรอบวันทันโลก ช่วงเวลา 23.45 น.ทุกวัน เพิ่มรายการสารคดีข่าวอาเซียน และส่งทีมข่าวเจาะลงพื้นที่ในกลุ่มประเทศอาเซียนทุกเดือน

อีกทั้งยังรวมถึงการเน้นด้านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) โดยปีนี้บริษัทได้ร่วมมือกับไลน์ทีวีนำละคร 10 เรื่องเข้าไปอยู่ในไลน์ทีวี ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า หลังจากที่ได้ร่วมมือกับไลน์ทีวี จะมีคนรู้จักชื่อของ PPTV มากขึ้นและเร็วกว่าระบบเรตติ้งที่ใช้อยู่

นอกจากนี้บริษัทมองว่า การเข้ามาของ 4G มีทั้งข้อดีและไม่ดีสำหรับผู้ประกอบการดิจิตอลทีวี ถ้าหากมองในด้านผู้ประกอบการถือเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่สามารถใส่รายการได้ แต่ประเด็น คือ รายการจะเป็นที่รู้จักในวงกว้าง 10-20 ล้านคน แต่อาจจะไม่มีรายได้กลับเข้ามา แต่หากใช้ระบบ 4G ให้เป็นประโยชน์ อาจจะมีรายได้กลับมาก็ได้ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเข้าได้จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมหาศาลมาก แต่หากมองในแง่ลบ 4G ก็จะมาครองตลาดแทนกล่องดิจิตอลทีวี ซึ่งเทคโนโลยีขยายเครือข่ายได้ไวกว่าดิจิตอลทีวีขณะที่โครงข่ายดิจิตอลทีวียังไม่สมบูรณ์

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,134 วันที่ 25 - 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559