อคส. เบรกยึดประกันโรงสี!! หวั่นแพ้คดีจำนำข้าว ถูกฟ้องกลับ - อ.ต.ก. ไม่สน ลุยฟ้องกราวรูด
บิ๊ก อคส. ฝ่ายกฎหมาย สั่งเบรกแบงก์ชำระเงินค้ำประกันโรงสีติดคดีจำนำข้าว หวั่นศาลตัดสินไม่ผิด ถูกฟ้องกลับทำเสียโอกาสธุรกิจ ชง "วิษณุ" สั่งเดินหน้า หรือ ถอย 127 สัญญา พร้อมขอหลักฐานรับรองคำสั่ง ด้าน อ.ต.ก. เดินหน้าส่ง 77 สัญญา ส่งอัยการฟ้องกราวรูดแล้ว อ้างมีมติ ครม. รับรอง
"ฐานเศรษฐกิจ" ยังคงเกาะติดกรณีองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้มีหนังสือเลขที่ อคส.1061/5113 เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2561 มีคำสั่งถึงผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนสวรรค์วิถี จ.นครสวรรค์ โดย อคส. ขอชะลอการเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามภาระค้ำประกัน (โรงสีที่ติดคดีรับจำนำข้าว) ซึ่งเป็นหนังสือค้ำประกัน 9 ฉบับ รวมจำนวนเงินกว่า 22.8 ล้านบาท ไปจนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลว่า คู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาที่ทำไว้ กับ อคส. หรือ ปฏิบัติผิดเงื่อนไข ตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าวแล้ว อคส. จะมีหนังสือเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามภาระค้ำประกันต่อไปนั้น
นายรุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานกฎหมายและคดี ปฏิบัติการแทนผู้อำนวยการ อคส. เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" จากกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้ อคส. และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เร่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในรัฐบาลที่ผ่านมา เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับส่วนราชการ โดยต้องส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องให้ทันภายในเดือน ธ.ค. 2561 ที่คดีจะหมดอายุความนั้น ทาง อคส. ได้ดำเนินการส่งเรื่องให้ธนาคารต่าง ๆ เพื่อให้ชำระเงินหนี้ตามภาระค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่ที่คู่กรณีใช้บริการ คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยขอให้ชำระหนี้ (ณ วันที่ 26 ก.ค. 2561) รวม 127 สัญญา ได้ยึดหลักประกันแล้วกว่า 50 สัญญา ธนาคารนำเงินมาส่งตามสัญญาแล้วกว่า 500 ล้านบาท เหลือยังไม่ได้ยึดอีกกว่า 70 สัญญา
"ที่ยึดหลักทรัพย์ไปแล้ว ถ้าเขาไม่ผิดและชนะคดี เกรงจะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ ว่า ทำให้เขาขาดโอกาสทางธุรกิจ เช่น บางคนบอกว่า มีลูกค้ามาสั่งซื้อข้าว ถ้าส่งได้สำเร็จก็จะมีออร์เดอร์ต่อเนื่อง แต่พอมายึดหลักทรัพย์ค้ำประกันก็จะถูกตัดโอกาส ไม่มีเงินซื้อข้าว และส่งข้าวให้ไม่ได้ อาจทำให้ลูกค้าบอกเลิกสัญญา อีกด้านหนึ่งเป็นห่วงผลกระทบในช่วงฤดูนาปี เดือน พ.ย. ผู้ประกอบการจะไม่มีเงินไปซื้อข้าว แล้วชาวนาจะเอาข้าวไปขายที่ไหน"
ดังนั้น จึงได้ไปปรึกษาเรื่องนี้กับอัยการเรียบร้อยแล้ว จึงได้มีหนังสือสั่งชะลอเรื่องเอาไว้ก่อน หากศาลมีคำพิพากษาว่าผิดสัญญาแล้ว อคส. จะมีหนังสือเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามภาระค้ำประกันต่อไป
"เรื่องนี้จะสอบถาม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า จะให้ทำอย่างไร และจะขอหนังสือรับรองคำสั่งเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการรับรองการทำงาน หากสั่งให้ยึด หรือ ริบเงินค้ำประกันให้หมด แล้วเหลือโรงสีอีกกว่า 100 รายให้ยึดเพิ่ม ก็ต้องมีคำสั่งมาให้ชัดเจน แต่ถ้าคำสั่งบอกว่า อย่าเพิ่งยึดหรือริบเงินค้ำประกัน ในส่วนที่ไปยึดมาแล้วจะทำอย่างไร แต่ถ้าท่านบอกว่า ยึดแล้วก็แล้วไป ก็เขียนให้ชัดเจน หรือ ถ้ายึดแล้วให้คืน ก็จะมีคำสั่งเป็นไปตามนโยบาย ก็จะทำเรื่องคืนให้กับผู้ประกอบการไป"
ขณะที่ นายกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กล่าวว่า ปัจจุบัน อ.ต.ก. ได้ยึดเงินประกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 77 สัญญา ล่าสุด (วันที่ 28 ก.ย. 2561) ได้ส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องแล้ว ซึ่งต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐาน เพื่อส่งฟ้องทางแพ่งให้ทันก่อนสิ้นปีนี้ เรื่องนี้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแล้ว อ.ต.ก. จึงปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,405 วันที่ 30 ก.ย. - 3 ต.ค. 2561
"ฐานเศรษฐกิจ" ยังคงเกาะติดกรณีองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้มีหนังสือเลขที่ อคส.1061/5113 เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2561 มีคำสั่งถึงผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนสวรรค์วิถี จ.นครสวรรค์ โดย อคส. ขอชะลอการเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามภาระค้ำประกัน (โรงสีที่ติดคดีรับจำนำข้าว) ซึ่งเป็นหนังสือค้ำประกัน 9 ฉบับ รวมจำนวนเงินกว่า 22.8 ล้านบาท ไปจนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลว่า คู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาที่ทำไว้ กับ อคส. หรือ ปฏิบัติผิดเงื่อนไข ตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าวแล้ว อคส. จะมีหนังสือเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามภาระค้ำประกันต่อไปนั้น
นายรุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานกฎหมายและคดี ปฏิบัติการแทนผู้อำนวยการ อคส. เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" จากกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้ อคส. และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เร่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในรัฐบาลที่ผ่านมา เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับส่วนราชการ โดยต้องส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องให้ทันภายในเดือน ธ.ค. 2561 ที่คดีจะหมดอายุความนั้น ทาง อคส. ได้ดำเนินการส่งเรื่องให้ธนาคารต่าง ๆ เพื่อให้ชำระเงินหนี้ตามภาระค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่ที่คู่กรณีใช้บริการ คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยขอให้ชำระหนี้ (ณ วันที่ 26 ก.ค. 2561) รวม 127 สัญญา ได้ยึดหลักประกันแล้วกว่า 50 สัญญา ธนาคารนำเงินมาส่งตามสัญญาแล้วกว่า 500 ล้านบาท เหลือยังไม่ได้ยึดอีกกว่า 70 สัญญา
"ที่ยึดหลักทรัพย์ไปแล้ว ถ้าเขาไม่ผิดและชนะคดี เกรงจะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ ว่า ทำให้เขาขาดโอกาสทางธุรกิจ เช่น บางคนบอกว่า มีลูกค้ามาสั่งซื้อข้าว ถ้าส่งได้สำเร็จก็จะมีออร์เดอร์ต่อเนื่อง แต่พอมายึดหลักทรัพย์ค้ำประกันก็จะถูกตัดโอกาส ไม่มีเงินซื้อข้าว และส่งข้าวให้ไม่ได้ อาจทำให้ลูกค้าบอกเลิกสัญญา อีกด้านหนึ่งเป็นห่วงผลกระทบในช่วงฤดูนาปี เดือน พ.ย. ผู้ประกอบการจะไม่มีเงินไปซื้อข้าว แล้วชาวนาจะเอาข้าวไปขายที่ไหน"
ดังนั้น จึงได้ไปปรึกษาเรื่องนี้กับอัยการเรียบร้อยแล้ว จึงได้มีหนังสือสั่งชะลอเรื่องเอาไว้ก่อน หากศาลมีคำพิพากษาว่าผิดสัญญาแล้ว อคส. จะมีหนังสือเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามภาระค้ำประกันต่อไป
"เรื่องนี้จะสอบถาม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า จะให้ทำอย่างไร และจะขอหนังสือรับรองคำสั่งเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการรับรองการทำงาน หากสั่งให้ยึด หรือ ริบเงินค้ำประกันให้หมด แล้วเหลือโรงสีอีกกว่า 100 รายให้ยึดเพิ่ม ก็ต้องมีคำสั่งมาให้ชัดเจน แต่ถ้าคำสั่งบอกว่า อย่าเพิ่งยึดหรือริบเงินค้ำประกัน ในส่วนที่ไปยึดมาแล้วจะทำอย่างไร แต่ถ้าท่านบอกว่า ยึดแล้วก็แล้วไป ก็เขียนให้ชัดเจน หรือ ถ้ายึดแล้วให้คืน ก็จะมีคำสั่งเป็นไปตามนโยบาย ก็จะทำเรื่องคืนให้กับผู้ประกอบการไป"
ขณะที่ นายกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กล่าวว่า ปัจจุบัน อ.ต.ก. ได้ยึดเงินประกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 77 สัญญา ล่าสุด (วันที่ 28 ก.ย. 2561) ได้ส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องแล้ว ซึ่งต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐาน เพื่อส่งฟ้องทางแพ่งให้ทันก่อนสิ้นปีนี้ เรื่องนี้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแล้ว อ.ต.ก. จึงปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,405 วันที่ 30 ก.ย. - 3 ต.ค. 2561
