ถือเป็นเรื่องใหญ่ในแวดวงธุรกิจ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยครับ หลังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ พิพากษาให้ฟอร์ดต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ลูกค้าเกือบ 300 ราย มูลค่ากว่า 23 ล้านบาท และนี่ยังถือเป็นคำพิพากษาคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ครั้งแรกของประเทศไทยที่ผู้บริโภครวมตัวฟ้องร้องผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ข้ามชาติรายใหญ่
มองในมุมหนึ่ง นี่อาจเป็นชัยชนะของผู้บริโภคที่ได้รับผล ทนทุกข์จากตัวสินค้า จนต้องรวมตัวกันตั้งทนายเอกชนเพื่อฟ้องร้องบริษัทใหญ่ และได้รับชดใช้ค่าเสียหายในที่สุด ซึ่งคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการคุ้มครองผู้บริโภค
แต่ถ้าพิจารณาจากคำร้องหรือเป้าหมายของลูกค้าฟอร์ดกลุ่มนี้ หวังให้ศาลตัดสินให้ฟอร์ดผิดในคดี “ผลิตรถยนต์(โฟกัส-เฟียสต้า)ชำรุดบกพร่องออกมาขาย” สินค้าไม่ปลอดภัย ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นไปตามคำโฆษณา ทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงอันตราย โดยเรียกค่าเสียหายตามราคารถยนต์ ค่าซ่อม ค่าขาดประโยชน์การใช้รถ ค่าเสียหายเชิงลงโทษ และค่าเสียหายต่อจิตใจ ต่อสมาชิกร่วมฟ้องกว่า 300 ราย รวมเป็นเงินที่เรียกร้องประมาณ 600 ล้านบาท
...โจทย์จัดเต็มทุกดอก เรียกค่าเสียหายสูงเอาไว้ก่อน!!!
แต่สุดท้ายศาลท่านพิพากษาให้ฟอร์ดชดใช้เพียง 23-24 ล้านบาท (ครอบคลุมโจทก์ 291 ราย และยกฟ้องไป 12 ราย) เพราะศาลท่านวินิจฉัยว่า ฟอร์ดผลิตเฟียสต้าและโฟกัส ออกมาขายในไทยปีละหลายหมื่นคัน(เป็นยอดในอดดีต แต่แผนงานใหม่ เชื่อว่ารถ2รุ่นนี้ไม่น่าจะผลิตในไทยแล้ว) แต่พบรถที่มีปัญหาไม่ถึง 500 คัน ขณะเดียวกันยังไม่มีผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการใช้รถยนต์2รุ่นนี้
แม้ฟอร์ดเองจะยอมรับว่า รถมีข้อบกพร่องเรื่องเกียร์ แต่ก็เป็นปัญหาที่สามารถซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ได้ ศาลจึงยังไม่ถือว่ารถยนต์ทั้ง 2 รุ่นเป็นสินค้าที่ไม่มีความปลอดภัย หรือไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งให้ฟอร์ดซื้อคืนรถที่มีปัญหาจากผู้เสียหาย หรือห้ามขายหรือเรียกเก็บรถทั้ง 2 รุ่นที่ยังอยู่ในท้องตลาดได้
ส่วนฟอร์ด ก็สบช่องยกคำวินิจฉัยของศาลมาออกร่างแถลงการณ์ ว่า ระบบเกียร์พาวเวอร์ชิฟต์ของตนเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย และยินดีทำตามคำพิพากษาที่ได้กำหนดกระบวนการแก้ไขปัญหา และยุติข้อพิพาทของลูกค้า
....ต้องรอดูว่า ลูกค้าฟอร์ดและทนายจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปในกระบวนการยุติธรรม เพราะวันนี้ชนะคดี แต่เหมือนยังเฮไม่สุด
คอลัมน์ออโตโซไซตี้ : กรกิต กสิคุณ
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,404 วันที่ 27 - 29 กันยายน พ.ศ. 2561