GPSC ยัน! ซื้อหุ้น GLOW เป็นไปตามดีลเชิงพาณิชย์ ย้ำ! ไม่มีการเมืองเอี่ยว

19 ก.ย. 2561 | 10:29 น.
GPSC ยันซื้อหุ้น GLOW เป็นไปตามดีลเชิงพาณิชย์ "คนซื้ออยากซื้อ คนขายอยากขาย" ย้ำ! ไม่มีการเมืองเอี่ยว มั่นใจ กกพ.ชุดใหม่ ไม่พิจารณาล่าช้า เพราะมีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เปิดเผยกรณีการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) ว่า การเจรจาซื้อขายหุ้น GLOW เป็นการซื้อขายเชิงพาณิชย์ โดยทั้ง 2 บริษัท เป็นบริษัทที่จดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องมีการดำเนินธุรกิจและปฏิบัติตามกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทั้งนี้ GPSC ในฐานะผู้ซื้อมีความต้องการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้น ไม่ใช่ในฐานะเป็นผู้บริหาร อีกทั้งราคาได้ประเมินแล้วว่ามีความเหมาะสม


S__103792760

"เราใช้ผู้ประเมินราคาที่มีความเชี่ยวชาญ ไม่นอกมีใน แต่ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงที่มีคนพยายามดึงประเด็นไปเชื่อมโยงกับการเมือง ซึ่งยืนยันว่า ดีลนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ แต่เป็นเรื่องของการซื้อขายหุ้น ที่คนซื้อก็อยากซื้อ คนขายก็อยากขาย มองว่าแนวทางนโยบายของ GLOW ในแง่ของธุรกิจผลิตไฟฟ้าอาจจะไม่ใช่นโยบายหลัก อาจจะต้องการใช้เงินเพื่อไปลงทุนในธุรกิจอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น"

อย่างไรก็ตาม การซื้อขายหุ้นครั้งนี้ คาดว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 75 (2) ที่ห้ามรัฐวิสาหกิจทำธุรกิจแข่งกับเอกชน เนื่องจาก GPSC บริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯประกอบธุรกิจในลักษณะเอกชน โดยมีประชาชนเป็นผู้ถือหุ้น ขณะเดียวกัน ยังไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำกับกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 8 และ 72 เนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดของทั้ง 2 บริษัท เมื่อควบรวมกันแล้วจะมีกำลังการผลิตเพียง 6.9% ของกำลังการผลิตทั้งประเทศ จึงไม่เข้าข่ายการผูกขาดหลังการควบรวมธุรกิจ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่อันดับ 3 ของประเทศ อีกทั้งยังมีแหล่งผลิตไฟฟ้าในต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น สปป.ลาว และเมียนมา


S__103792758

นอกจากนี้ ในการประชุมผู้ถือหุ้น ยังมีมติของผู้ถือหุ้น 99.98% อนุมัติให้ทำธุรกรรมนี้ได้ จึงยืนยันว่า การดำเนินการไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเป็นการซื้อทรัพย์สินในส่วนธุรกิจไฟฟ้า บริษัท เอ็นจี้ โกลบอล เดเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในฐานะบริษัทแม่ที่ถือหุ้นอยู่ใน GLOW จึงเท่ากับเป็นการซื้อหุ้นจากต่างชาติกลับมาในประเทศ และเงินปันผล 5,000 ล้านบาท ก็อยู่ในประเทศไทยไม่ไหลออกนอกประเทศอีกด้วย

ขณะที่ ประเด็นความเป็นห่วงว่า เมื่อควบรวมแล้วกำลังการผลิตจะทำให้กลุ่ม ปตท. ผูกขาดกำลังการผลิตที่มาบตาพุดนั้น ยืนยันว่า GPSC ไม่มีเจตนาที่จะผูกขาดธุรกิจการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่มาบตาพุด เนื่องจากไม่ได้มีความสามารถในการดำเนินงานมากขนาดนั้น เพราะแนวโน้มธุรกิจที่มีการเปิดเสรี ส่งผลให้มีผู้ผลิตไฟฟ้าหลายราย ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้น อีกทั้งธุรกิจไฟฟ้าไม่ใช่ธุรกิจปกติ ถ้าหากคนไม่ใช้ก็สูญ ไม่สามารถเก็บไว้ได้ และถ้าไม่มีคนซื้อก็เจ๊งได้


S__103792757

"พื้นที่ในมาบตาพุดมีทั้ง บริษัท บีแอลซีพี พาวเวอร์ จำกัด (BLCP) , บริษัท บางกอกโคเจนเนอเรชั่น จำกัด , การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และบริษัทในกลุ่มเครือปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ซึ่ง GPSC ได้ทำหนังสือแจ้ง SCC และเอกชนรายอื่นรวมถึงคณะกรรมกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อยืนยันไม่ต้องการสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบในพื้นที่ เพราะไม่ใช่เป้าหมายของธุรกิจ จึงไม่มีความจำเป็นที่ GPSC ต้องดำเนินการเช่นนั้น ทั้งนี้ มีกำหนดจะเข้าชี้แจงกรณีดังกล่าวแก่ SCC และบริษัท ดาวเคมิคอล ประเทศไทย จำกัด เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน"

ขณะที่ ความกังวลว่า กกพ.ชุดใหม่ จะพิจารณาการซื้อขายนี้ล่าช้าออกไปหรือไม่ ทางบริษัทมองว่า เรื่องนี้มีเงื่อนเวลาอยู่แล้ว ภายใน 90+15 วันนับตั้งแต่วันที่ยื่นเอกชนการซื้อหุ้น GLOW ให้ กกพ. พิจารณาเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2561 ตามที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์ ซึ่งจะครบกำหนดภายในวันที่ 27 ก.ย. 2561 ระหว่างนี้จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกพ. เท่านั้น หากวินิจฉัยไม่ผ่าน ก็จะน้อมรับและกลับมาพิจารณาใหม่ แต่หากผ่านก็ได้มีการเตรียมแผนการดำเนินงานรองรับไว้แล้ว


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว