โรงสีกวาดประมูล1.5แสนตัน ‘ธนสรรไรซ์’ทุ่มได้มากสุด

18 ก.พ. 2559 | 09:30 น.
โรงสีกวาดประมูลข้าวทั่วไปในสต๊อกรัฐบาลกว่า 1.5 แสนตัน "ธรสรรไรซ์" ได้ไปกว่า 8.2 หมื่นตัน ใช้เงินซื้อกว่า 1.17 พันล้านบาท ขณะประมูลข้าวสู่อุตสาหกรรมแข่งเดือด 16 ราย ผู้ส่งออกระบุเหตุโรงสีแห่ร่วมประมูลจากคาดการณ์ผลผลิตข้าวนาปรังปีนี้จะลดลง40-50% บีบต้องสต๊อกข้าวไว้

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดประมูลข้าวเป็นการทั่วไป(16 ก.พ.2559)ปริมาณกว่า 2 แสนตันในข้าว 8 ชนิดที่มีคุณภาพตามมาตรฐานและใกล้เคียงมาตรฐาน (ระดับคุณภาพเกรด P/A/B) ประกอบด้วย ข้าวปทุมธานี ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าว A1 เลิศ และปลายข้าว (เหนียว) A1 รวมจำนวน 40 คลัง ใน 13 จังหวัด ปรากฏว่ามีผู้มายื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไป จำนวน 25 ราย โดยมีผู้เสนอราคาที่เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 15 ราย ใน 35 คลัง ปริมาณรวม 1.52 แสนตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 74% ของปริมาณที่เปิดประมูล โดยมีมูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 1.78 พันล้านบาท

ทั้งนี้ข้าวเหนียวขาว 10% มีผู้เสนอซื้อมากที่สุด ปริมาณ 8.32 หมื่นตัน คิดเป็น 55% รองลงมาได้แก่ ปลายข้าว A1 เลิศ ปลายข้าวหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมมะลิ ปลายข้าวปทุมธานี ข้าวปทุมธานี ข้าวท่อนปทุมธานี และปลายข้าว (เหนียว) A1 โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรงสีที่ชนะการประมูล เนื่องจากเป็นชนิดข้าวที่ตรงกับความต้องการ เช่น หจก. ธนสรรไรซ์ ประมูลได้ 8.26 หมื่นตัน มูลค่ากว่า 1.17 พันล้านบาท บริษัท โกลเด้นเกรน เอ็นเตอร์ไพรส์ฯ ประมูลได้ 2.0 หมื่นตัน มูลค่ากว่า 179 ล้านบาท และบริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด ปริมาณ 7.33 พันตัน มูลค่า 55ล้านบาท หจก.โรงสี ก.เทพสวัสดิ์ บริษัท โรงสีข้าวป.ณัฐตพลฯ เป็นต้น

ส่วนข้าวที่ประมูลเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม จำนวน 16 ราย ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรม ปริมาณ 3.6 แสนตัน เป็นข้าว 7 ชนิดที่คุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐาน (ระดับคุณภาพเกรด C)ประกอบด้วย ข้าวปทุมธานี ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 15%

ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด และปลายข้าว A1 เลิศ รวมจำนวน 119 คลัง ใน 28 จังหวัดจะมีการประมูลในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 โดยขั้นตอนหลังจากผู้เสนอซื้อสูงสุดสำหรับการประมูลทั้ง 2 แบบ กรมการค้าต่างประเทศจะดำเนินการรวบรวมผลให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐพิจารณาก่อนนำเสนอให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาอนุมัติผลการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไปและเข้าสู่อุตสาหกรรมต่อไป

ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าจากการคาดการณ์ของสมาคมที่คาดการณ์ว่าปริมาณข้าวนาปรังปีนี้จะมีผลผลิตลดลงมากถึง 40-50% เหลือข้าวเปลือกนาปรังเพียงแค่ 3 ล้านตัน ลดลงจากคาดการณ์ไว้เดิมที่ 5 ล้านตัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการข้าวในประเทศทั้งกลุ่มโรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุง รวมทั้งผู้ส่งออกข้าวบางราย เข้ามาร่วมประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาล เพื่อประมูลข้าวเก็บไว้เป็นสต๊อกรองรับผลผลิตที่ลดลงจากภัยแล้ง ซึ่งตลาดข้าวในประเทศนิยมข้าวเก่าอยู่แล้ว ดังนั้นข้าวสต๊อกรัฐบาลเป็นข้าวเก่าก็สามารถนำมาปรับปรุงผสมกับข้าวใหม่และทำตลาดในประเทศได้

ทั้งนี้คาดว่าจะมีการเสนอราคา 10 บาทต่อกิโลกรัมขึ้นไป เพราะราคาข้าวใหม่ในตลาดปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 12.20 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนมกราคมที่ราคาข้าวในตลาดอยู่ที่ 11.50-11.80 บาทต่อกิโลกรัม ถือเป็นราคาที่น่าจะมีการแข่งขันกันสูง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,132 วันที่ 18 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559