'เอเชียทีค' ลุยโรดโชว์-เทรดโชว์! เจาะตลาดยุโรป-ตะวันออกกลาง

18 ก.ย. 2561 | 08:35 น.
Basic CMYK

"เอเชียทีค" โดดร่วมแคมเปญ Thailand MICE Venue Standard 2018 เดินหน้าโรดโชว์และเทรดโชว์ยุโรป  ตะวันออกกลาง หวังขยายฐานลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวโต 10%


 

[caption id="attachment_319142" align="aligncenter" width="503"] นางสาวเปรมินทร์ เลอนรเสฏฐ์ ผู้จัดการทั่วไป เปรมินทร์ เลอนรเสฏฐ์[/caption]

น.ส.เปรมินทร์ เลอนรเสฏฐ์ ผู้จัดการทั่วไป โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ กลุ่มบริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล จำกัด ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด ในเครือทีซีซี กรุ๊ป เปิดเผยว่า โครงการได้วางแผนขยายตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวไปยังทุกกลุ่มประเทศทุกภูมิภาค โดยการร่วมกิจกรรมโรดโชว์และเทรดโชว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งดำเนินการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรุงเทพมหานคร สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) และบริษัททัวร์ชั้นนำของไทยกว่า 250 บริษัท อาทิ จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย กลุ่มประเทศยุโรป และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ถือเป็น 1 ในกลยุทธ์ในการสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มพื้นที่เป้าหมาย และเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยให้มีความยั่งยืน

โดยปีนี้ยังได้วางแผนขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศยุโรป สอดคล้องกับการเติบโตตลาดท่องเที่ยวยุโรปที่มีการเติบโตสูงถึง 6.37% ในครึ่งปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มประเทศที่น่าสนใจและถือเป็นตลาดใหญ่และมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็น ประเทศในแถบตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่โครงการให้ความสนใจในการทำตลาดเช่นเดียวกัน


Joe Louis1

บริษัทได้เข้าร่วมแคมเปญ Thailand MICE Venue Standard 2018 กับสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่ต้องการสถานที่จัดงาน อาทิ การจัดงานเพื่อความบันเทิง การจัดการประชุม และนิทรรศการ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก โดยคาดการณ์การเติบโตมากถึง 30 ล้านคน ทั้งนี้ โครงการยังได้รับรางวัล Recreative Attraction Standard Very Good Level 2017-2019 จากการโหวตของกลุ่มพันธมิตรด้านธุรกิจท่องเที่ยว ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นการแสดงถึงความเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก และถือเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดให้เอเจนซี่ท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติให้ความสนใจในตัวโครงการยิ่งขึ้นด้วย

"โครงการพัฒนาสร้างเรือใบสามเสาอิงประวัติศาสตร์สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีชื่อเรือใบสามเสานี้ ว่า สิริมหรรณพ โดยนำมาจอดเทียบ ณ ท่าเรือเอเชียทีค ซึ่งได้วางแผนพัฒนาให้เป็นพื้นที่จัดงานต่าง ๆ ระดับประเทศ เป็นการสร้างประสบการณ์ความประทับใจใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จากเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คาดว่าจะได้รับความสนใจจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการเข้ามาใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไฮไลท์และซิกเนเจอร์แห่งใหม่ของโครงการฯ ตลอดจนการพัฒนาในส่วนของผู้ประกอบการ ที่เน้น International Brand ให้ตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยว F.I.T. มากขึ้น พร้อมปรับภาพลักษณ์ให้มีความน่าสนใจ รวมถึงเพิ่มสีสันของการท่องเที่ยวที่หลากหลาก ด้วยการจัดอีเวนท์ต่าง ๆ อาทิ เทศกาลดนตรีต่าง ๆ งานลอยกระทง งานเคาท์ดาวน์ เพื่อให้สามารถแข่งขันในธุรกิจท่องเที่ยวริมน้ำที่เพิ่มมากขึ้น โดยกลยุทธ์ในทุก ๆ ส่วนจะส่งเสริมให้เอเชียทีคยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวอยู่อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน"


Ownory1

น.ส.เปรมินทร์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า ภาพรวมตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทยยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปี 2561 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเพิ่มขึ้นกว่า 11% และคาดว่าจะเติบโตมากกว่าเท่าตัวในครึ่งปีหลัง เนื่องจากปัจจัยช่วงหยุดเทศกาลในหลาย ๆ ประเทศ อาทิ Golden Week ของประเทศจีน ในเดือน ต.ค. รวมไปถึงช่วงวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่ สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในโครงการฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


Basic CMYK

ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ม.ค. ถึง ส.ค. ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 10.9 ล้านคน หรือเฉลี่ย 45,000 คน/วัน และคาดว่า เดือน ก.ย. ถึง ธ.ค. จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10% โดยแบ่งเป็นชาวต่างชาติ 70% และชาวไทย 30% ซึ่งจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพักตามลำพัง (Free Individual Traveler : F.I.T) 65% และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับทัวร์ 35% ทั้งนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในโครงการฯ มากที่สุด 3 อันดับแรก ยังเป็นกลุ่มประเทศในโซนเอเชีย ได้แก่ จีน (จีน/ไต้หวัน/ฮ่องกง), เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย ตามลำดับ

"เอเชียทีคพร้อมวางแผนจัดพื้นที่สำหรับรองรับการจัดกิจกรรมอีเวนท์โปรโมชั่นต่าง ๆ โดยการเปิดตัวร้านค้าที่มีความหลากหลายและกิจกรรมที่น่าใจ จะสามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาโครงการได้อย่างแน่นอน และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากปีก่อน"


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว