ฐานโซไซตี : เลือกตั้งไทยชัดเจน ความเชื่อมั่นกระฉูด รัฐเร่งเมกะโปรเจ็กต์

17 ก.ย. 2561 | 13:07 น.
589545 ทั้งบรรยากาศทางการเมืองและเศรษฐกิจ “เริ่มคึกคัก” ขึ้นมาทันที เมื่อกฎหมายลูก 2 ฉบับ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยกฎหมาย ส.ว.มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน เป็นต้นไป ซึ่งสามารถเดินหน้ากระบวนการให้ได้มาซึ่ง ส.ว.ได้เลย ขณะที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ต้องทอดเวลาไป 90 วัน หรือถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ถึงจะมีผลบังคับใช้ ล่าสุด “ผู้จัดการรัฐบาล คสช.” อย่าง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ออกมาการันตีว่า “ที่ผ่านมาผมยืนยันมาหลายครั้งแล้วว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 แน่นอน”
IMG_7378 เมื่อการเลือกตั้งชัดเจน หมดกังวลเรื่องไม่มีการเลือกตั้ง หรือคำว่า “ไม่รู้จะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่” หายไป ทำให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยเริ่มกลับคืนมามากขึ้น ดูอย่างเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กลิน ที.เดวีส์ ที่เข้าเยี่ยมอำลา พล.อ.ประวิตร ในโอกาสจะพ้นจากหน้าที่ ก็ออกมาบอกหลังกฎหมายลูก 2 ฉบับของไทยประกาศใช้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสำคัญ ทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรือง และเกิดการเลือกตั้งในปีหน้า ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้จะทำให้เกิดการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมสำหรับไทย และคนไทยได้มีส่วนร่วมในการอภิปรายถึงอนาคตของประเทศ และอยากให้มีเวทีที่เปิดกว้างเสรีสำหรับให้คนทั่วไปที่ออกมาพูดคุย รวมถึงเสรีภาพในการรวมตัว และเสรีภาพของสื่อ

ความชัดเจนที่ประเทศไทยเข้าสู่ “โหมดเลือกตั้ง” และนำมาซึ่ง “ความเชื่อมั่น” ที่เห็นผลเป็นรูปธรรมคือ ภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่หลังจากซึมๆ อยู่ ก็พุ่งกระฉูดขึ้นมาทันที โดยภาวะซื้อขายหุ้นไทยตลอดทั้งวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา เปิดมาก็เคลื่อนไหวในแดนบวก ก่อนที่จะปิดตลาดบวกขึ้นไป 38.57 จุด ไปปิดที่ 1717.96 จุด ด้วยยอดซื้อขาย 78,925.45 ล้านบาท
41575466_868537823353049_613508925450354688_n  หันดูภารกิจของรัฐบาลที่เข้าสู่ช่วง “โค้งสุดท้าย” เพราะอีกราว 5 เดือนครึ่งก็จะต้องมีการ “หย่อนบัตรเลือกตั้ง” และมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้ในการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ถึงได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ประมาณปลายเดือนธันวาคม 2561 รัฐบาลจะออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป

ซึ่งหลังจากพระราชกฤษฎีกาประกาศใช้แล้ว รัฐบาลชุดปัจจุบันจะเป็นรัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถพิจารณาอนุมัติงบประมาณหรือโครงการต่างๆ ที่ผูกพันงบประมาณข้ามปีได้ โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่างๆ ดังนั้นจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเสนอโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมีการเปิดประมูลทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า การก่อสร้างท่าเรือ มอเตอร์เวย์ และโครงการลงทุนต่างๆ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ให้ครม.พิจารณาภายในเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน 2561 ขณะเดียวกันยังได้สั่งการใน ครม.ให้แต่ละกระทรวงติดตามเร่งรัดกฎหมายที่ค้างคาอยู่ ราว 120 ฉบับ ที่ต้องผลักดันให้ออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพราะหากออกกฎหมายไม่ทันในรัฐบาลนี้ กฎหมายก็อาจจะตกไป

|คอลัมน์ : ฐานโซไซตี
|โดย : ว.เชิงดอย
|หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐ ฉบับ 3401 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 16-19 ก.ย.2561
23626556