'มะขามไทย' เพิ่มกลยุทธ์ตลาด ขยายฐานเจาะกลุ่มในประเทศ
ผลิตภัณฑ์แบรนด์ 'มะขามไทย' เพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาดบุกตลาดออนไลน์ หวังเจาะกลุ่มผู้บริโภคในประเทศ พร้อมทำออฟไลน์เข้าหาลูกค้าโดยตรง กลุ่มผู้ประกอบการรีสอร์ต สปา และโรงแรม วางเป้าเพิ่มสัดส่วนการขายในประเทศ และดันรายได้ปีนี้โต 30-40%
นายถกนธ์ สมิทธิกร กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนสยามอินเตอร์ ฟิวชั่น ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาเกรดพรีเมียม แบรนด์ "มะขามไทย" (MAKHAMTHAI) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทเตรียมที่จะดำเนินการเพิ่มกลยุทธ์ในการทำตลาด เพื่อขยายฐานของกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะมุ่งเน้นการทำตลาดบนช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มที่จะสามารถทำได้ เพื่อเจาะตลาดในประเทศไทย จากเดิมที่การทำตลาด และลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าจากต่างประเทศกว่า 95%
ทั้งนี้ล่าสุด ได้มีการปูพื้นฐานบนเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว โดยตั้งเป้าจะทำให้มีองค์ความรู้ หรือ คอนเทนต์ (Content) เป็น 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย, อังกฤษ และจีน จากเดิมที่ปัจจุบันมีเพียงภาษาอังกฤษเท่านั้น อีกทั้งยังจะดำเนินการบนช่องทางเฟซบุ๊ก (Face book) และไลน์แอด (Line@) โดยมุ่งหวังจะให้เป็นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ต่อผู้บริโภค รวมถึงให้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บนช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังจะดำเนินการบนช่องทางออฟไลน์ควบคู่กันไป โดยจะใช้กลยุทธ์ในการเข้าหาลูกค้าโดยตรง ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจสปาระดับพรีเมียม, รีสอร์ต, โรงแรม ที่ให้ความสำคัญกับการให้บริการสปา ซึ่งจากการออกงานแสดงสินค้าในประเทศ พบว่า มีรีสอร์ตและโรงแรมให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังจะมีจุดจำหน่ายตามร้านของฝากในสถานที่ท่องเที่ยวของหัวเมืองสำคัญ เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น
อย่างไรก็ดี จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในประเทศให้เพิ่มขึ้นเป็น 30-40% และต่างประเทศเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ รายได้ของบริษัทปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้ 30-40% จากการทำตลาด ส่วนแผนการทำตลาดในระยะ 2 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งใจที่จะเปิดหน้าร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของบริษัทเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น
"ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทย จะเลือกดูที่แบรนด์ก่อนเป็นลำดับแรกในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ แต่ผู้บริโภคต่างประเทศจะเลือกจากคุณภาพ ส่วนผสม และความเป็นไทย เพราะฉะนั้น บริษัทจึงเลือกที่จะทำตลาดต่างประเทศก่อน และค่อย ๆ สร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคในประเทศ หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคต่างประเทศ"
นายถกนธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า เดิมทีผลิตภัณฑ์แบรนด์ มะขามไทย จะเน้นทำตลาดต่างประเทศจากการออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ รวมถึงเจาะกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจสปา, รีสอร์ต และโรงแรมที่มีชื่อเสียง โดยปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์แบรนด์ มะขามไทย ประกอบด้วย 1.นํ้ามันนวดตัว ซึ่งสามารถใช้ได้ 3 รูปแบบ คือ สำหรับใช้ทาตัวในชีวิตประจำวัน, ผสมนํ้าเพื่อแช่ตัว และผสมนํ้าเพื่อแช่เท้า 2.เจลอาบนํ้า 3.โลชั่นทาผิวกาย หรือ บอดี้โลชั่น 4.สบู่ก้อนล้างหน้า และ 5.ก้านไม้ห้อมปรับอากาศ
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ "มะขามไทย" นั้น อยู่ที่ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดซึ่งมาจากสมุนไพรไทย โดยมาพร้อมกับสรรพคุณการใช้งานที่ให้สัมผัสเหมือนเข้ารับการบริการสปา รวมถึงกลิ่นที่เป็นธรรมชาติและส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิก
อนึ่ง ผลิตภัณฑ์แบรนด์ "มะขามไทย" มีไอเดียมาจากการที่บริษัทมีพาร์ตเนอร์ร่วมทำธุรกิจเป็นโรงงานผลิตเกี่ยวกับสปา เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก โดยทำธุรกิจร่วมกันมากว่า 10 ปี บริษัทจึงมองเห็นช่องทางในการสร้างธุรกิจ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ซึ่งมีคุณภาพเทียบเท่ากับเกรดส่งออกให้ผู้บริโภคได้ใช้งาน โดยมะขามเป็นชื่อที่บ่งบอกความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้เป็นพืชที่ก่อกำเนิดขึ้นจากประเทศไทย และบริษัทได้ใช้คำว่าไทยมาต่อท้าย เพื่อตอกยํ้าภาพลักษณ์ความเป็นไทยในที่สุด
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,400 วันที่ 13-15 ก.ย. 2561
นายถกนธ์ สมิทธิกร กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนสยามอินเตอร์ ฟิวชั่น ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาเกรดพรีเมียม แบรนด์ "มะขามไทย" (MAKHAMTHAI) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทเตรียมที่จะดำเนินการเพิ่มกลยุทธ์ในการทำตลาด เพื่อขยายฐานของกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะมุ่งเน้นการทำตลาดบนช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มที่จะสามารถทำได้ เพื่อเจาะตลาดในประเทศไทย จากเดิมที่การทำตลาด และลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าจากต่างประเทศกว่า 95%
ทั้งนี้ล่าสุด ได้มีการปูพื้นฐานบนเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว โดยตั้งเป้าจะทำให้มีองค์ความรู้ หรือ คอนเทนต์ (Content) เป็น 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย, อังกฤษ และจีน จากเดิมที่ปัจจุบันมีเพียงภาษาอังกฤษเท่านั้น อีกทั้งยังจะดำเนินการบนช่องทางเฟซบุ๊ก (Face book) และไลน์แอด (Line@) โดยมุ่งหวังจะให้เป็นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ต่อผู้บริโภค รวมถึงให้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บนช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังจะดำเนินการบนช่องทางออฟไลน์ควบคู่กันไป โดยจะใช้กลยุทธ์ในการเข้าหาลูกค้าโดยตรง ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจสปาระดับพรีเมียม, รีสอร์ต, โรงแรม ที่ให้ความสำคัญกับการให้บริการสปา ซึ่งจากการออกงานแสดงสินค้าในประเทศ พบว่า มีรีสอร์ตและโรงแรมให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังจะมีจุดจำหน่ายตามร้านของฝากในสถานที่ท่องเที่ยวของหัวเมืองสำคัญ เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น
อย่างไรก็ดี จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในประเทศให้เพิ่มขึ้นเป็น 30-40% และต่างประเทศเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ รายได้ของบริษัทปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้ 30-40% จากการทำตลาด ส่วนแผนการทำตลาดในระยะ 2 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งใจที่จะเปิดหน้าร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของบริษัทเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น
"ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทย จะเลือกดูที่แบรนด์ก่อนเป็นลำดับแรกในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ แต่ผู้บริโภคต่างประเทศจะเลือกจากคุณภาพ ส่วนผสม และความเป็นไทย เพราะฉะนั้น บริษัทจึงเลือกที่จะทำตลาดต่างประเทศก่อน และค่อย ๆ สร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคในประเทศ หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคต่างประเทศ"
นายถกนธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า เดิมทีผลิตภัณฑ์แบรนด์ มะขามไทย จะเน้นทำตลาดต่างประเทศจากการออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ รวมถึงเจาะกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจสปา, รีสอร์ต และโรงแรมที่มีชื่อเสียง โดยปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์แบรนด์ มะขามไทย ประกอบด้วย 1.นํ้ามันนวดตัว ซึ่งสามารถใช้ได้ 3 รูปแบบ คือ สำหรับใช้ทาตัวในชีวิตประจำวัน, ผสมนํ้าเพื่อแช่ตัว และผสมนํ้าเพื่อแช่เท้า 2.เจลอาบนํ้า 3.โลชั่นทาผิวกาย หรือ บอดี้โลชั่น 4.สบู่ก้อนล้างหน้า และ 5.ก้านไม้ห้อมปรับอากาศ
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ "มะขามไทย" นั้น อยู่ที่ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดซึ่งมาจากสมุนไพรไทย โดยมาพร้อมกับสรรพคุณการใช้งานที่ให้สัมผัสเหมือนเข้ารับการบริการสปา รวมถึงกลิ่นที่เป็นธรรมชาติและส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิก
อนึ่ง ผลิตภัณฑ์แบรนด์ "มะขามไทย" มีไอเดียมาจากการที่บริษัทมีพาร์ตเนอร์ร่วมทำธุรกิจเป็นโรงงานผลิตเกี่ยวกับสปา เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก โดยทำธุรกิจร่วมกันมากว่า 10 ปี บริษัทจึงมองเห็นช่องทางในการสร้างธุรกิจ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ซึ่งมีคุณภาพเทียบเท่ากับเกรดส่งออกให้ผู้บริโภคได้ใช้งาน โดยมะขามเป็นชื่อที่บ่งบอกความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้เป็นพืชที่ก่อกำเนิดขึ้นจากประเทศไทย และบริษัทได้ใช้คำว่าไทยมาต่อท้าย เพื่อตอกยํ้าภาพลักษณ์ความเป็นไทยในที่สุด
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,400 วันที่ 13-15 ก.ย. 2561
