"ยูดี ทรัคส์" ฉลองยอดผลิตเควสเตอร์ครบ 1.5 หมื่นคัน

11 ก.ย. 2561 | 08:22 น.
"ยูดี ทรัคส์" ฟุ้งลูกค้าตอบรับรุ่นเควสเตอร์ล้นหลาม หลังเปิดตัวปี 56 และปัจจบันทำยอดผลิตครบ 1.5 หมื่นคัน พร้อมเดินหน้ารุกการตลาดต่อเนื่อง รองรับการเติบโตในภูมิภาค



15k unit1


นายฌาคส์ มิเชล ประธานวอลโว่ Volvo Group Trucks Asia & JVs Sales เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เควสเตอร์เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2556 จวบจนปัจจุบันรถรุ่นนี้สามารถผลิตมาได้แล้ว 15,000 คัน โดยเควสเตอร์เป็นรถบรรทุกรุ่นใหม่ที่ "ยูดี ทรัคส์" พัฒนาขึ้นมา เพื่อเจาะตลาดขนส่งที่ต้องการรถบรรทุกขนาดใหญ่โดยเฉพาะ และที่สำคัญรถรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นจากโรงงานของ "ยูดี ทรัคส์" ในประเทศไทย และทำการส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก

สำหรับโรงงานแห่งนี้ถือเป็นโรงงานผลิตและประกอบรถบรรทุก "ยูดี ทรัคส์" แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น และสามารถดำเนินการผลิตรถบรรทุก "ยูดี เควสเตอร์" อย่างต่อเนื่องจนถึงคันที่ 15,000 คัน ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์เพื่อรองรับตลาดที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจและมีการแข่งขันสูง อาทิ ประเทศไทยและตลาดส่งออกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

"จากการคาดการณ์ว่า ปริมาณการค้าของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีการเติบโตสูงถึง 130% ในปี 2566 ภายใต้การรวมตัวกันในรูปแบบของ ASEAN Economic Community ซึ่งจะทำให้การขนส่งข้ามพรมแดนจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ตลอดช่วง 40 ปีที่ผ่านมา วอลโว่ กรุ๊ป ได้ลงทุนมากถึง 2,000 ล้านบาท ในการขยายกำลังการผลิตในโรงงานประกอบรถบรรทุก 'ยูดี ทรัคส์' เป็น 20,000 คันต่อปี ในประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถบรรทุก 'ยูดี ทรัคส์' ไปทั่วโลก"



UD_timeline-A4_ENG


นายฌาคส์ มิเชล กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ "ยูดี ทรัคส์" ยึดมั่น คือ จิตวิญญาณแห่งเกมบะ (Gemba Spirit) หมายถึงการเข้าถึงและใกล้ชิดกับพื้นที่นั้น ๆ พร้อมกับรับฟังความต้องการของลูกค้าในและตลาด หรือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป เพื่อเป็นเสมือนพันธมิตรทางธุรกิจของพวกเขา

ดังนั้น รถบรรทุก "ยูดี ทรัคส์" จึงถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในทุกมิติของลูกค้า และเควสเตอร์ได้ถูกทดสอบเพื่อให้ได้รถบรรทุกที่ตอบโจทย์ลูกค้าในด้านธุรกิจและความทนทานต่อการใช้งาน ความไว้วางใจได้ในตัวผลิตภัณฑ์และการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง

การผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีชั้นนำจาก "วอลโว่ กรุ๊ป" และกระบวนการผลิตอย่างประณีตที่มีคุณภาพสูงอย่างชาวญี่ปุ่น ทำให้เครื่องยนต์ของ "ยูดี เควสเตอร์" GH8E และ GH11E สามารถสร้างความเชื่อมั่นในด้านประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงและให้พละกำลังเต็มประสิทธิภาพ และยังมีระบบการแนะนำการขับขี่ประหยัดน้ำมันแบบเรียลไทม์ (The built-in Fuel Coaching system) ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ทันทีระหว่างการเดินทาง เพื่อช่วยปรับพฤติกรรมการขับขี่แก่พนักงานขับรถและลดต้นทุนในด้านพลังงานเชื้อเพลิง

โดยรถบรรทุก "ยูดี เควสเตอร์" ทุกคัน สามารถเชื่อมต่อระบบ ยูดี เทเลเมติกส์ (UD Telematics Services) กับศูนย์บริการ ยูดี ทรัคส์ เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ปัญหา ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ด้วยระบบการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ พร้อมให้คำแนะนำที่อยู่บนพื้นฐานของพฤติกรรมการขับขี่และการใช้พลังงานเชื้อเพลิงของพนักงานขับรถแต่ละคน จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถทุกคันจะอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและที่สำคัญคือการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด



41406745_291365114924552_208985506531246080_n


"ชื่อของยูดี เควสเตอร์ ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดที่เป็นพื้นฐานสำคัญของ ยูดี ทรัคส์ คือ ความไว้วางใจสูงสุด หรือ "Ultimate Dependability" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ UD และเพื่อความมั่นใจอย่างสูงสุด ยูดี ทรัคส์ ได้ลดช่วงเวลาการจอดซ่อมบำรุงด้วยงานบริการ ยูดี เอ็กซ์ตร้าไมล์ ซัพพอร์ท (UD Extra Mile Support) ผ่านเครือข่ายศูนย์บริการกระจายทั่วประเทศ พร้อมด้วยทีมบริการ ที่ประกอบด้วย ช่างผู้ชำนาญการผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีเพื่อการให้บริการหลังการขายอย่างมาตรฐานด้วยอะไหล่แท้ พร้อมทั้งช่วยลูกค้าในเรื่องการวางแผนงานบริการ และการฝึกอบรมหลังส่งมอบรถ ทั้งหมดเพื่อช่วยให้ฟลีทรถของลูกค้าสร้างประสิทธิผลสูงสุด"

นายฌาคส์ มิเชล กล่าวว่า ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของ ยูดี ทรัคส์ ที่จะลดต้นทุนการดำเนินงานระยะยาวให้แก่ลูกค้าที่ถือเป็นพันธมิตรคนสำคัญในการผลักดันธุรกิจลูกค้าให้สามารถประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่มีฟลีทรถบรรทุกประจำการอยู่ในภูมิภาคเอเชียให้สามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนน้ำมันที่คิดเป็น 50% ของต้นทุนทั้งหมด



41463633_306271549954076_4235819377221435392_n


ด้าน นายกำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากลูกค้าที่เชื่อมั่นในรถบรรทุกและบริการของยูดี ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้บริษัทไม่หยุดพัฒนาเพื่อสร้างรถบรรทุกและงานบริการที่ดีที่สุด และความสำเร็จด้วยยอดผลิต 15,000 คัน ในวันนี้ ถือเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความสำคัญของตลาดประเทศไทยต่อ วอลโว่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และบริษัทเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะสานต่อความสำเร็จนี้ต่อไปในอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตต่อเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว