CMMU ระบุ LINE สื่อที่ผู้สูงวัยชอบใช้สุดๆ

04 ก.ย. 2561 | 12:27 น.
วิทยาลัยการจัดการ เผยผลการวิจัยการทำการตลาดกับกลุ่มผู้สูงอายุ พบ สื่อที่ผู้สูงอายุมีการใช้งานมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Line 50% โทรทัศน์ 24% และ Facebook 16% โดยสื่อที่ผู้สูงอายุใช้เพื่อเข้าถึงโฆษณาน้อยที่สุด ได้แก่ หนังสือพิมพ์ ตามมาด้วย YouTube และเว็บไซต์

รูปแบบโฆษณาที่เข้าถึงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ โฆษณาทีวี (TVC) วิดีโอคลิป รูปภาพ บทความและ Infographic ตามลำดับ ทีมวิจัยยังพบว่าผู้สูงอายุ 93% รู้จักและรู้วิธีการใช้งาน Search Engine เพื่อการสืบค้นข้อมูล

ภาพบรรยากาศงาน ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในปี 2568 ทำให้กระแสต่างๆ หันมาสนใจเทรนด์ การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุมากยิ่งขึ้น โดยประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 64.5 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 9.4 ล้านคน คิดเป็น 14.5% ของประชากร โดยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5 แสนคน และคาดว่าภายใน ในปี 2568 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ซึ่งจะมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ 14.4 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นเกิน 20% ของประชากรทั้งหมด

สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยการตลาดกับกลุ่มผู้สูงอายุ 55-70 ปี จำนวน 604 คน พบว่าสื่อที่มีการใช้งานมากที่สุด 3 อันดับแรก ในกลุ่มผู้สูงอายุ ได้แก่

อันดับ 1  แอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) จำนวน 50% เนื่องจากใช้งานง่ายในการติดต่อสื่อสาร โดยเมื่อเจาะลึกถึง Insight พบว่า เมื่อผู้สูงอายุอ่านเนื้อหาที่ชื่นชอบ จะใช้การส่งสติ๊กเกอร์แทนการพิมพ์ข้อความตอบโต้ เนื่องจากไม่ถนัดในการพิมพ์ทีละตัวอักษร

อันดับที่ 2 โทรทัศน์ จำนวน 24% สื่อโทรทัศน์ถือเป็นสื่อดั้งเดิมที่ยังคงมีอิทธิพลต่อผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุคิดเป็น 61% เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้โดยไม่มีการ เปลี่ยนช่อง และเปิดไว้เป็นเพื่อนเพื่อคลายเหงา

คณะวิจัย Silver Age Marketing อันดับที่ 3 Facebook จำนวน 16% โดยผู้สูงอายุมองว่า Facebook นั้น ใช้งานยากกว่า Line เวลาจะแชร์ข้อมูลให้ผู้อื่นต่อก็ ไม่แน่ใจว่าจะกดปุ่มใดต่อ ต้องกดหลายครั้ง ต้องพึ่งพาคนอื่นให้ช่วยสอนการใช้หลายครั้ง ทำให้ผู้สูงอายุไม่อยากที่จะใช้ Facebook มากนัก เนื่องจากไม่อยากเป็นภาระต่อผู้อื่น

ดร.บุญยิ่ง กล่าวว่า ผลการวิจัยการเข้าถึงการรับสื่อในรูปแบบของการโฆษณาพบว่า อันดับที่ 1 เป็นสื่อโทรทัศน์ มีจำนวน 52% ด้วยพฤติกรรมของผู้สูงอายุที่เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ดูไปเรื่อยๆ ไม่เปลี่ยนช่อง ทำให้โอกาสที่จะได้รับข้อมูลทาง การตลาดโดยการฟังหรือการมองเห็น ภาพนั้นมีมากกว่าสื่อในช่องทางอื่นๆ โดยการโฆษณาบนโทรทัศน์มักมีทั้งภาพและเสียงไปพร้อมกัน ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกตื่นเต้น และจูงใจ ตามมาด้วย อันดับที่ 2 LINE จำนวน 19% โดยผู้สูงอายุมีการใช้ Line เพื่อการสื่อสารหรือการโต้ตอบกับผู้อื่น เมื่อเพื่อนหรือคนรู้จักส่งเนื้อหาที่เป็นภาพ ข้อความ บทความ หรือคลิปวิดีโอมาให้ผู้สูงอายุจะเลือกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หรือเป็นเรื่องราวที่ตัวเองสนใจ เท่านั้น และผู้สูงอายุจะชอบใช้สติ๊กเกอร์ ฟรี เมื่อกดแอด Line แล้ว ผู้สูงอายุบล็อก (Block) Line ไม่เป็น เมื่อมีโฆษณาผ่านช่องทางนี้ ทำให้ผู้สูงอายุจำเป็นต้องรับข้อมูลทางการตลาดผ่านสื่อ Line ไปโดยปริยาย

และ อันดับที่ 3  FACEBOOK 18% ผู้สูงอายุมีการรับสื่อทางการตลาดหรือโฆษณาจาก Facebook รองจากโทรทัศน์และ Line เนื่องจากมีการใช้ที่ยุ่งยากมาก กว่าเมื่อเทียบกับสื่ออื่น แต่เหตุผลที่ผู้สูงอายุมักชื่นช อบช่องทางนี้เนื่องจากมีเนื้อหา หลากหลายที่น่าสนใจ แต่ผู้สูงอายุมักไม่ทราบว่าเนื้อหาที่ตนเองสนใจนั้นเป็นการสื่อ ทางการตลาดหรือโฆษณาในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งการโฆษณาของ Facebook สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) ได้ ทำให้เวลาผู้สูงอายุเข้า Facebook ก็จะเห็นโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ในส่วนของช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุ ใช้งาน สามารถแบ่งได้ตามช่วงเวลาดังนี้ ช่วงเช้า ผู้สูงอายุจะมีการใช้งาน Line ในอัตราที่สูงมากเพื่อเช็คข้อมูลข่าวสารและติดต่อสื่อสาร ช่วงกลางวัน ผู้สูงอายุมักจะใช้ Facebook เพื่ออัพเดทสังคม ติดต่อสื่อสารและดูเพจต่างๆ และใน ช่วงเย็น ผู้สูงอายุจะใช้เวลาอยู่กับ โทรทัศน์ เพื่อดูข่าว รายการ และละคร การใช้งาน Search Engine หรือ เครื่องมือในการค้นหาข้อมูล

รูปแบบโฆษณาที่เข้าถึงคนวัยสีเงินได้มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.โฆษณาทีวี (TVC) 2.วิดีโอคลิป 3. รูปภาพ  4. บทความ และ 5. Infographic นอกจากนี้ ด้านประเภทเนื้อหาที่โดนใจกลุ่มผู้บริโภค Silver Age พบว่า 4 ประเภทเนื้อหาที่โดนใจกลุ่มคนวัยสีเงินมากที่สุดตามลำดับ ได้แก่ เนื้อหาประเภท สาระประโยชน์ จำนวน 61% ที่ให้ประโยชน์ เช่น การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ อาหารการกิน และข้อมูลที่ยกระดับคุณภาพชีวิตต่างๆ ตามมาด้วยเนื้อหาประเภทบันเทิงจำนวน 22% เช่น ละคร รายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาสนุก สนานและมีความหลากหลาย รวมถึงคลิปที่มีเนื้อหาตลกคลายเครียด อันดับสาม เนื้อหาประเภท เตือนภัยและข้อควรระวัง 9% เนื้อหาที่เน้นด้านความห่วงใย การเตือนภัย และข้อควรระวังต่างๆ และสุดท้าย เนื้อหาประเภท สร้างแรงบันดาลใจ 8% ที่มีเนื้อหาช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต

อย่างไรก็ตาม ในด้านสื่อที่ผู้สูงอายุเข้าถึงการรับโฆษณาได้น้อย ที่สุด ได้แก่ หนังสือพิมพ์ ถือเป็นสื่อที่ผู้สูงอายุไม่สนใจอ่านหน้าโฆษณา เนื่องจากตัวอักษรมีขนาดเล็ก อ่านยาก และไม่น่าสนใจ ตามมาด้วย ยูทูป (YouTube) ที่ผู้สูงอายุเกิดความรู้สึกขัด อารมณ์เมื่อมีโฆษณาขึ้นมาคั่นรายการที่ตนกำลังรับชมอยู่ และสุดท้ายได้แก่ เว็บไซต์  เนื่องจากไม่กล้ากดเข้าไปดูเพราะกลัวอุปกรณ์จะติดไวรัส สำหรับประเด็นเรื่องการแชร์ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ ทีมวิจัยยังพบว่าพบว่า ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะแบ่งปันข้อมูลให้คนสนิทรวมถึงเพื่อนๆ ถึง 65% ผ่านช่องทาง Line การพูดคุยบอกต่อกับเพื่อนฝูงและช่องทาง Facebook

ประเด็นที่น่าสนใจอีก ประเด็นคือพบว่าผู้สูงอายุ 93% รู้จักว่า Search Engine คืออะไรและใช้งานอย่างไร และการใช้งานเครื่องมือในการสืบค้นข้อมูล Search Engine ที่ผู้สูงรู้จักมากที่สุด ได้แก่ Google ดร.บุญยิ่ง กล่าวปิดท้าย

 

23626556