อัดบิ๊กอีเวนต์ปลุกตลาดนาฬิกา ขนทัพแบรนด์ดังกระหน่ำโปรกระตุ้นยอดโค้งท้าย
ตลาดนาฬิกาคึกคัก 2 บิ๊กจัดงานแฟร์ อัดโปรโมชันล่อใจ “สยามพารากอน” เผยยอดขายเติบโต 5% ปิดฉากพาร์ตแรกฉลุย เดินหน้าต่อพาร์ต 2 ทันที ขณะที่ “เซ็นทรัล” ทุ่มกว่า 50 ล้านบาทขนทัพสินค้ากว่า 180 แบรนด์มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทดักลูกค้ากระเป๋าหนัก
นางสาวชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจกรรมการตลาด และธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงาน “สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมของตลาดนาฬิกา ในงานสยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018 ซึ่งมีขึ้นตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่ามียอดขายเติบโตขึ้น 5% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
รวมถึงเป็นไปตามสัดส่วนของตลาดโลกที่มีผลสำรวจของงานวิจัยต่างๆ ว่า สินค้าลักชัวรีที่คนไทยนิยมซื้อสูงสุดคือ นาฬิกาซึ่งมีสัดส่วนสูงสุดคือ 21% โดยพฤติกรรมความนิยมในการเลือกซื้อนาฬิกาของลูกค้าภายในงานนั้น ยังคงนิยมซื้อเพื่อการลงทุนเช่นเคย เพราะนาฬิกายังคงเป็นของสะสมที่มีความผันผวนน้อยเมื่อเทียบกับการลงทุนด้านอื่น และยิ่งเก็บสะสมไว้นานยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้นทุกปี จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้นาฬิกาประเภท Limited Edition เป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้บริโภคที่เข้ามาจับจ่ายในงานนี้ ซึ่งปีนี้ภายในงานมีแบรนด์นาฬิกาชั้นนำให้เลือกกว่า 180 แบรนด์ จึงมีความหลากหลายให้เลือกมากขึ้น
นอกจากนั้นกลุ่มนาฬิกาเพื่อสุขภาพ หรือ Smart Watch อย่างแบรนด์ Suunto และ Garmin เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ผู้บริโภคเลือกซื้อ เพราะเทรนด์เรื่องของการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกายยังคงได้รับความนิยม และในปีนี้เห็นได้ชัดว่าแบรนด์นาฬิกาแฟชั่นนั้นหันมาผลิตนาฬิกา Smart Watch มากขึ้น
“กำลังซื้อในขณะนี้เห็นได้ชัดว่า ค่อนข้างดี โดยปีที่แล้วสัดส่วนของกลุ่มลูกค้ามากที่สุดคือคนไทย และในปีนี้ยังคงเป็นคนไทยเช่นเคย เพราะมีสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านรูปลักษณ์และราคา รวมถึงโปรโมชันพิเศษที่ร่วมกับธนาคารและรายการส่งเสริมการขายอีกมากมาย เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อในงานได้ง่ายขึ้น”
นางสาวชนิสา กล่าวอีกว่า แม้ว่างานในพาร์ตแรกซึ่งเป็นงานที่จัดทั้งในพื้นที่ของศูนย์การค้าสยามพารากอน และ
วอทช์ แกลเลอรี พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จบลงแล้ว แต่งาน สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018 พาร์ตที่ 2 ยังมีต่อไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้ออย่างเต็มอิ่มกับสุดยอดโปรโมชันแห่งปี ที่แผนกวอทช์ แกลเลอรี เดอะมอลล์ ทุกสาขา, ดิ เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ โดยจะได้พบโปรโมชันส่วนลดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง 50% และสมาชิกบัตร M Card รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 8% ลดเพิ่มอีก 12.5% เป็นต้น
ด้านนางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า เซ็นทรัลทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาทในการจัดงาน “เซ็นทรัล/เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2018” ซึ่งไฮไลต์เป็นการรวมแบรนด์นาฬิกาชั้นนำกว่า 180 แบรนด์มาร่วมเปิดคอลเลกชันใหม่ของปี รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมบริการใหม่ Central Chat&Shop การช็อปปิ้งผ่านแอพพลิเคชัน Line ครั้งแรก หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการทำตลาดผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์
“บริษัทเน้นสื่อสารการตลาดแบบ 360 องศาเพื่อให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบบครอบคลุมทั้งกลุ่มนักสะสมนาฬิกา ลูกค้าทั่วไปและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทยและมีกำลังซื้อสูง โดยบริษัทเน้นสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย อาทิ Weibo ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน รวมถึง ZENMegastore ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า8 หมื่นคน รวมทั้งการทำ Geo Marketing เพื่อเจาะตรงกลุ่มลูกค้า โดยการจัดงานครั้งนี้มีขึ้นแล้วตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายนนี้ คาดว่าจะมียอดขายรวมกว่า 500 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน”
หน้า 34 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,395 วันที่ 26-29 ส.ค. 2561
นางสาวชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจกรรมการตลาด และธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงาน “สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมของตลาดนาฬิกา ในงานสยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018 ซึ่งมีขึ้นตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่ามียอดขายเติบโตขึ้น 5% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
รวมถึงเป็นไปตามสัดส่วนของตลาดโลกที่มีผลสำรวจของงานวิจัยต่างๆ ว่า สินค้าลักชัวรีที่คนไทยนิยมซื้อสูงสุดคือ นาฬิกาซึ่งมีสัดส่วนสูงสุดคือ 21% โดยพฤติกรรมความนิยมในการเลือกซื้อนาฬิกาของลูกค้าภายในงานนั้น ยังคงนิยมซื้อเพื่อการลงทุนเช่นเคย เพราะนาฬิกายังคงเป็นของสะสมที่มีความผันผวนน้อยเมื่อเทียบกับการลงทุนด้านอื่น และยิ่งเก็บสะสมไว้นานยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้นทุกปี จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้นาฬิกาประเภท Limited Edition เป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้บริโภคที่เข้ามาจับจ่ายในงานนี้ ซึ่งปีนี้ภายในงานมีแบรนด์นาฬิกาชั้นนำให้เลือกกว่า 180 แบรนด์ จึงมีความหลากหลายให้เลือกมากขึ้น
นอกจากนั้นกลุ่มนาฬิกาเพื่อสุขภาพ หรือ Smart Watch อย่างแบรนด์ Suunto และ Garmin เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ผู้บริโภคเลือกซื้อ เพราะเทรนด์เรื่องของการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกายยังคงได้รับความนิยม และในปีนี้เห็นได้ชัดว่าแบรนด์นาฬิกาแฟชั่นนั้นหันมาผลิตนาฬิกา Smart Watch มากขึ้น
“กำลังซื้อในขณะนี้เห็นได้ชัดว่า ค่อนข้างดี โดยปีที่แล้วสัดส่วนของกลุ่มลูกค้ามากที่สุดคือคนไทย และในปีนี้ยังคงเป็นคนไทยเช่นเคย เพราะมีสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านรูปลักษณ์และราคา รวมถึงโปรโมชันพิเศษที่ร่วมกับธนาคารและรายการส่งเสริมการขายอีกมากมาย เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อในงานได้ง่ายขึ้น”
นางสาวชนิสา กล่าวอีกว่า แม้ว่างานในพาร์ตแรกซึ่งเป็นงานที่จัดทั้งในพื้นที่ของศูนย์การค้าสยามพารากอน และ
วอทช์ แกลเลอรี พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จบลงแล้ว แต่งาน สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018 พาร์ตที่ 2 ยังมีต่อไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้ออย่างเต็มอิ่มกับสุดยอดโปรโมชันแห่งปี ที่แผนกวอทช์ แกลเลอรี เดอะมอลล์ ทุกสาขา, ดิ เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ โดยจะได้พบโปรโมชันส่วนลดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง 50% และสมาชิกบัตร M Card รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 8% ลดเพิ่มอีก 12.5% เป็นต้น
ด้านนางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า เซ็นทรัลทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาทในการจัดงาน “เซ็นทรัล/เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2018” ซึ่งไฮไลต์เป็นการรวมแบรนด์นาฬิกาชั้นนำกว่า 180 แบรนด์มาร่วมเปิดคอลเลกชันใหม่ของปี รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมบริการใหม่ Central Chat&Shop การช็อปปิ้งผ่านแอพพลิเคชัน Line ครั้งแรก หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการทำตลาดผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์
“บริษัทเน้นสื่อสารการตลาดแบบ 360 องศาเพื่อให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบบครอบคลุมทั้งกลุ่มนักสะสมนาฬิกา ลูกค้าทั่วไปและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทยและมีกำลังซื้อสูง โดยบริษัทเน้นสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย อาทิ Weibo ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน รวมถึง ZENMegastore ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า8 หมื่นคน รวมทั้งการทำ Geo Marketing เพื่อเจาะตรงกลุ่มลูกค้า โดยการจัดงานครั้งนี้มีขึ้นแล้วตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายนนี้ คาดว่าจะมียอดขายรวมกว่า 500 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน”
หน้า 34 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,395 วันที่ 26-29 ส.ค. 2561
