เปิดแคมเปญสู้ศึกนํ้าดำเมืองไทย ทุ่มงบ 500 ล้านบาท‘โคคา-โคลา’ชูกลยุทธ์วันแบรนด์

07 ก.พ. 2559 | 10:00 น.
สงครามน้ำดำประทุรับศักราชใหม่ "โคคา-โคลา" เปิดโกลบอลแคมเปญ ปรับสโลแกนใหม่สู่ "ดื่มรสชาติของความรู้สึก" หรือ Taste the Feeling พร้อมทุ่มงบ 3 ไตรมาสแรกในไทย 500 ล้านบาท สร้างการรับรู้ย้ำความเป็นไอคอนแบรนด์ หลังเป๊บซี่คู่แข่งตลอดกาล เปิดแคมเปญ Pepsi Challeng ช่วงไตรมาสุดท้ายปีก่อน

นางสาวคลาวเดีย นาวาร์โร ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาดผลิตภัณฑ์โคคา-โคลา จากนี้ไปจะอาศัยกลยุทธ์การตลาดระดับโลกที่เรียกว่า วัน แบรนด์(One Brand) ซึ่งจะรวบรวมแบรนด์ต่างๆ ทั้งโคคา-โคลา ออร์นริจินัล และโคคา-โคลา ซีโร่ หรือโคคา-โคลา ไลท์ เข้ามาอยู่ภายใต้แบรนด์โคคา-โคลา ที่ผู้บริโภคสามารถสดชื่นไปกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของโค้กได้ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบมีแคลอรี่ ไม่มีแคลอรี่ มีคาเฟอีน หรือไม่มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสม ที่ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ไอคอนของโค้กในการสื่อสารทุกรูปแบบ

ทั้งนี้ ได้ทุ่มงบในช่วง 3 ไตรมาสแรกประมาณ 500 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ใช้ไป 300 ล้านบาทในเวลาช่วงเดียวกัน เปิดตัวแคมเปญดื่มรสชาติของความรู้สึก หรือ Taste the Feeling หลังจากที่ผ่านมาใช้สโลแกน Open Happiness- เปิดโค้กซ่า เปิดความสุข มาเป็นระยะเวลา 7 ปี ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของโคคา-โคลา ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรโค้งเว้า วงกลมสีแดง และขวดแก้ว ที่นำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัย และสื่อถึงช่วงเวลาพิเศษของการดื่มผลิตภัณฑ์โค้ก ผ่านทางภาพยนตร์โฆษณา 5 เรื่อง ที่นำเสนอถึงเรื่องราวธรรมดาทั่วไป, ความสัมพันธ์อันเป็นเอกลักษณ์ระหว่างพี่ชายกับน้องชาย, ประสบการณ์การดื่มโค้กในแบบโรแมนติก, การติดตามความรักของคู่รัก และช่วงเวลาของวัยรุ่นที่มีความเครียด

นอกจากนี้ยังจะอาศัยสื่อประกอบแคมเปญกว่า 50 ภาพ และการสร้างประสบการณ์ทางดิจิตอลแบบอินเตอร์แอคทีฟกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการกระตุ้นและบอกต่อในโลกออนไลน์ ผ่านภาพเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงความรู้สึกในการดื่มผลิตภัณฑ์โค้ก ซึ่งแคมเปญนี้จะจัดทำใน 200 ประเทศทั่วโลกที่โคคา-โคลา เข้าไปทำตลาด โดยเริ่มที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นที่แรก และประเทศไทยเป็นประเทศต้นๆ ที่จัดแคมเปญดังกล่าว โดยจะทยอยเปิดตัวให้ครบทุกประเทศภายในระยะเวลา 10 วัน

อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า หลังจากเปิดตัวแคมเปญนี้ออกไป จะสามารถช่วยกระตุ้นการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมในกลุ่มผู้บริโภค และยังทำให้เกิดการขยายตัวของตลาดเครื่องดื่มอัดลม เนื่องจากแคมเปญนี้ที่สื่อถึงรสชาติและช่วงเวลาพิเศษ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคหันมาดื่มผลิตภัณฑ์โค้กเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้โคคา-โคลาครองความเป็นผู้นำตลาดน้ำอัด จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งการตลาดรวมอยู่ที่ 59% ขณะที่ภาพตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมประเทศไทย ปัจจุบันพบว่า มีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท มีการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว เทียบกับช่วงกลางปีก่อนที่มีมูลค่า 4.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมให้ตลาดน้ำอัดลมยังคงมีการเติบโต มาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของแบรนด์ต่างๆ

ทั้งนี้หากย้อนไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ค่ายยักษ์ใหญ่คู่แข่งอย่างเป๊ปซี่ ก็ได้เปิดตัวแคมเปญ Pepsi Challeng หรือ ‘เป๊ปซี่ ท้า...ซ่าเต็มที่ให้โลกเห็น ซึ่งถือเป็นแคมเปญใหญ่ของเป๊ปซี่อีกหนึ่งแคมเปญในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาโดยมีแบรนด์แอมบาสเดอร์ชั้นนำระดับโลก อาทิ อัชเชอร์(Usher) ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่ 8 สมัย และเซเรน่า วิลเลียมส์ นักเทนนิสหญิงมืออันดับต้นๆของโลก ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำแบรนด์โพสิชันนิ่ง LIVE FOR NOW ของเป๊ปซี่ โดยในส่วนของประเทศไทย เป๊ปซี่ เปิดตัวแคมเปญ Pepsi Challenge™ ด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ 3 เรื่องที่ได้ 3 ตัวแทนคนรุ่นใหม่แห่งยุคมาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ท้า...ซ่าเต็มที่ให้โลกเห็น นำทัพด้วยนักแสดงหนุ่มมากความสามารถกับหลากหลายบทบาทในวงการบันเทิง เต๋อ- ฉันทวิช ธนะเสวี ,กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย และวงดนตรีสุดขวัญใจวัยรุ่น Getsunova

ตามมาด้วยแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี พูดด้วยเป๊ปซี่...เต็มที่ทุกอารมณ์- Say it with Pepsi ผ่านภาพยนตร์โฆษณา เป๊ปซี่โมจิ โดยมีภาพยนตร์โฆษณาชุด Happy DJ และ Big Pack สร้างสีสันรับปลายปี ซึ่งได้นำสัญลักษณ์สื่ออารมณ์สุดน่ารักบนโลกดิจิตอลอย่างอีโมจิ (emoji) มาแปลงโฉมเป็น เป๊ปซี่โมจิ (PepsiMoji) เพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับคนรุ่นใหม่ผ่านแพกเกจจิ้งดีไซน์แนวใหม่ที่ผู้บริโภคสามารถใช้สื่อสารอารมณ์และความรู้สึกถึงกันผ่านผลิตภัณฑ์

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,129 วันที่ 7 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559