ตลาดยางทดแทนแนวโน้มเติบโต มิชลินเปิดแผนครึ่งปีหลัง ด้วยการส่งรุ่นใหม่ ไพรมาซี่ 4 ชูจุดเด่นดอกยางปลอดภัยทั้งตอนใหม่และใกล้หมดดอก พร้อมขยายเข้าสู่โออีเอ็ม ประเดิมป้อนโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส ใหม่
นายเอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C บริษัท สยามมิชลิน จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดยางรถยนต์อาร์อีเอ็ม(ทดแทน)ในประเทศไทยเติบโตไปในทิศทางเดียวกับยอดขายรถใหม่ โดยแต่ละปีมียอดขายรวมประมาณ 9-10 ล้านเส้น หรือเติบโตราว 4%
ขณะที่แผนการตลาดของมิชลินในครึ่งปีหลังได้เปิดตัว ‘มิชลินไพรมาซี่4’ (MICHELIN Primacy 4)ยางรุ่นล่าสุดในตระกูล“ไพรมาซี่’ ที่มาพร้อมแนวคิด
“อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” (Safe When New, Safe When Worn) โดยยางรุ่นใหม่นี้มาพร้อม 2 เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะมิชลินที่ใช้เวลาออกแบบพัฒนา 3 ปี
ประกอบไปด้วยเทคโน โลยี EverGrip™ ที่มีร่องรีดนํ้าแบบใหม่ ถูกออกแบบให้มีพื้นที่ในการรีดนํ้าเพิ่มขึ้น 50% ทั้งเมื่อยางใหม่และใกล้หมดดอก เพื่อให้สมรรถนะการยึดเกาะถนนเปียกที่ดีและปลอดภัยแม้เมื่อยางผ่านการใช้งานมานานจนใกล้หมดดอก และเทคโน โลยี Silent Rib รุ่น 2 ที่ช่วยลดเสียงรบกวนไม่ให้เข้าไปภายในห้องโดยสารด้วยแถบเนื้อยางเสริมระหว่างบล็อกดอกยางแบบเต็มหน้ายาง (Inter-Locking Bands)
“เราได้จัดกิจกรรมทดสอบยางรุ่นใหม่ ที่สวนนงนุช โดยเชิญผู้สื่อข่าวจากหลายประเทศมาร่วมสัมผัสกับยางรุ่นใหม่ และได้จำลองพร้อมทั้งมีการเปรียบเทียบยางยี่ห้ออื่นๆเพื่อให้สามารถเปรียบเทียบจุดเด่นของยางรุ่นใหม่ของเราได้ โดยข้อมูลที่เราได้ทำการทดสอบก่อนหน้านั้น พบว่าเมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มยางใหม่ด้วยกัน
‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ มีระยะเบรกสั้นกว่ายางแบรนด์อื่นๆ 2.5 เมตร และเมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มยางใกล้หมดดอก ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ มีระยะเบรกสั้นกว่ายางแบรนด์อื่นๆ 5.1 เมตร และเมื่อเทียบกับยางใหม่ของแบรนด์ อื่นๆ ยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ ที่ใกล้หมดดอกมีระยะเบรกสั้นกว่ายางใหม่ของแบรนด์อื่นๆ 1.8 เมตร”
[caption id="attachment_308069" align="aligncenter" width="503"]
www.piston.my[/caption]
สำหรับยาง “มิชลิน ไพรมาซี่ 4” จะเริ่มวางตลาดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป และมีจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 31 ขนาด (ขอบ 15-19 นิ้ว) ครอบคลุมหลายรุ่น อาทิ โตโยต้า คัมรี , ฮอนด้า แอคคอร์ด, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 และซีรี่ส์ 5, เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส และ ซี-คลาส
นายเอกชัย กล่าวเพิ่มเติมว่านอกเหนือจากผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่แล้ว กลยุทธ์การตลาดจะเน้นสร้างแบรนด์ มีการทำแบรนด์ให้ดูเด็กลง เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆและมีการสื่อสารการตลาดในรูปแบบต่างๆอาทิ ภาพยนตร์โฆษณา
นอกจากนั้นแล้วยังเตรียมเจาะตลาดโออีเอ็มหรือป้อนให้กับโรงงานผลิตรถยนต์เพิ่มเติม หลังจาก 4-5 ปีก่อนหน้านั้นสัดส่วนของตลาดนี้ลดลงโดยล่าสุดได้เตรียมผลิต ให้กับโตโยต้าโคโรลล่าอัลติส ใหม่
ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนารูปแบบช่องทางการขายของร้านไทร์พลัส ที่มีจำนวน 117 แห่ง และมีแผนจะเปิดเพิ่มมากกว่า 10 แห่ง โดยไทร์พลัสจะมีรูปแบบร้าน 2 ขนาด ได้แก่ ไทร์พลัสไซส์ปกติ จะลงทุนมากกว่า 5-10 ล้านบาท และมีจำนวน 4 ช่องซ่อม ส่วนอีกหนึ่งรูปแบบคือ ไทร์พลัส เอ็กซ์เพรส ที่ลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท มี 2 ช่องซ่อม เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในเมือง ปัจจุบันเปิดให้บริการ 3 แห่ง และบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายให้ครอบคลุม
“เรามีร้านค้าส่งทั่วไปมากกว่า 2,000-3,000 แห่ง ส่วนโมเดิร์นเทรดมากกว่า 200 แห่ง และเรายังมีร้านMBA หรือมิชลิน บิสสิเนส อัลลายแอนซ์ จำนวน 150 ร้านค้า”