ปักหมุด "อินเตอร์แคร์ เอเชีย" เอ็กซิบิชันรับสังคมผู้สูงวัย
นีโอ ดันงานอินเตอร์แคร์ เอเชีย 2018 หนุนไทยฮับธุรกิจบริการผู้สูงวัย เปิด 5 โซนแสดงสินค้ารับสังคมสูงวัย คาดผู้เข้าชมไม่ต่ำกว่า 8 พันคน เน้นเจาะกลุ่มก่อน-หลังเกษียณ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการไทย และ CLMV ที่มองการนำนวัตกรรมการเซอร์วิสไปต่อยอดธุรกิจ
จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในเอเชีย รวมถึงสังคมไทยเอง ทำให้ธุรกิจและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงวัยเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประเมินมูลค่าตลาดผู้สูงอายุของไทยอย่างไม่เป็นทางการ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
จากโอกาสทางธุรกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องของสังคมผู้สูงวัย ทำให้งาน "อินเตอร์แคร์ เอเชีย" ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้างานเดียวในไทยสำหรับเซ็กเมนต์ตลาดผู้สูงอายุ ได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากผู้ประกอบการกว่า 50 บูธในปีแรก เพิ่มเป็น 100 บูธในปีที่ผ่านมา ดังนั้น การจัดงานอินเตอร์แคร์ เอเชีย 2018 ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ค. นี้ ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา จึงขยายพื้นที่จัดงานเพิ่มเป็นอีกเท่าตัว หรือราว 5 พัน ตร.ม. เพื่อรองรับผู้ประกอบการที่มาร่วมแสดงสินค้ากว่า 200 บูธ
นายวิทยา แสงสุริโยทัย ผู้จัดการโครงการอินเตอร์แคร์ เอเชีย 2018 บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชัน ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดผู้สูงอายุจัดว่ามีการเติบโตแบบก้าวกระโดด นีโอทดลองจัดงานดังกล่าวในปีแรก ก็พบว่ามีเม็ดเงินเกิดขึ้นจากการซื้อขายบริการในงานกว่า 300 ล้านบาทในปีแรก เพิ่มมากเป็นราว 400 ล้านบาทในปีที่ 2 และการจัดงานในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 600 ล้านบาท ทั้งการซื้อขายบริการในงานและการต่อยอดธุรกิจที่จะเกิดขึ้น คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 8 พันคน เพิ่มจากปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ราว 5 พันคน
การจัดงานนี้ นีโอจะมีส่วนช่วยในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจบริการผู้สูงอายุในภูมิภาคนี้ ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการให้เห็นโอกาสและช่องทางในการสร้างธุรกิจในตลาดผู้สูงอายุ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่เข้าชมงานจะมีทั้งเป็นผู้สูงอายุที่เกษียณอายุไปแล้ว คนที่กำลังใกล้เกษียณ กลุ่มลูกหลานที่มีพ่อแม่ที่ต้องดูแล รวมถึงผู้สูงวัยชาวต่างชาติที่อาศัยระยะยาวในไทย เช่น คนญี่ปุ่น สแกนดิเนเวีย สวิตเซอร์แลนด์ ที่เลือกไทยเป็นจุดหมายบั้นปลายในชีวิต และผู้ประกอบการที่เข้ามามองหาสินค้าและนวัตกรรม เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ ทั้งไทยและผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศ CLMV
ไฮไลต์ของงานส่วนที่ 1 จะเป็นการประชุม เน้นให้ความรู้ในการยกระดับผู้สูงวัยในไทย ความรู้ด้านการรักษาสุขภาพ การบริหารการเงินทั้งก่อนและหลังเกษียณ ส่วนที่ 2 จะเป็นการจัดแสดงสินค้ารวมกว่า 200 บูธ ซึ่งกว่า 80-90% เป็นผู้ประกอบการไทย และพาวิเลียนจากเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น ที่จะนำนวัตกรรมและโนว์ฮาวสำหรับผู้สูงวัย ที่จะมี 5 โซน ได้แก่ โซนเรื่องเซอร์วิส เช่น เนิร์สซิ่ง โฮม , เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์ โซนอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริม โซนการท่องเที่ยว ที่ในปีนี้ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมการท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ ในโครงการเก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวไทย ผู้สูงอายุที่ชนะเลิศจะได้รางวัลไปเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โซนโฮมแคร์และนวัตกรรมอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ และโซนฟื้นฟู (รีแฮบิเตชัน) เช่น หุ่นยนต์ผู้ช่วยศูนย์กระดูกและข้อ เครื่องช่วยฟัง เป็นต้น
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,378 วันที่ 28-30 มิ.ย. 2561 หน้า 22
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● 'จิณณ์' เปิดอะคาเดมีผู้สูงวัย
● "นีโอ" เล็งจัด "อินเตอร์แคร์ เอเชีย 2018" ดันไทยสู่ฮับสุขภาพผู้สูงวัยอาเซียน
จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในเอเชีย รวมถึงสังคมไทยเอง ทำให้ธุรกิจและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงวัยเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประเมินมูลค่าตลาดผู้สูงอายุของไทยอย่างไม่เป็นทางการ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
จากโอกาสทางธุรกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องของสังคมผู้สูงวัย ทำให้งาน "อินเตอร์แคร์ เอเชีย" ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้างานเดียวในไทยสำหรับเซ็กเมนต์ตลาดผู้สูงอายุ ได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากผู้ประกอบการกว่า 50 บูธในปีแรก เพิ่มเป็น 100 บูธในปีที่ผ่านมา ดังนั้น การจัดงานอินเตอร์แคร์ เอเชีย 2018 ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ค. นี้ ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา จึงขยายพื้นที่จัดงานเพิ่มเป็นอีกเท่าตัว หรือราว 5 พัน ตร.ม. เพื่อรองรับผู้ประกอบการที่มาร่วมแสดงสินค้ากว่า 200 บูธ
นายวิทยา แสงสุริโยทัย ผู้จัดการโครงการอินเตอร์แคร์ เอเชีย 2018 บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชัน ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดผู้สูงอายุจัดว่ามีการเติบโตแบบก้าวกระโดด นีโอทดลองจัดงานดังกล่าวในปีแรก ก็พบว่ามีเม็ดเงินเกิดขึ้นจากการซื้อขายบริการในงานกว่า 300 ล้านบาทในปีแรก เพิ่มมากเป็นราว 400 ล้านบาทในปีที่ 2 และการจัดงานในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 600 ล้านบาท ทั้งการซื้อขายบริการในงานและการต่อยอดธุรกิจที่จะเกิดขึ้น คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 8 พันคน เพิ่มจากปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ราว 5 พันคน
การจัดงานนี้ นีโอจะมีส่วนช่วยในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจบริการผู้สูงอายุในภูมิภาคนี้ ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการให้เห็นโอกาสและช่องทางในการสร้างธุรกิจในตลาดผู้สูงอายุ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่เข้าชมงานจะมีทั้งเป็นผู้สูงอายุที่เกษียณอายุไปแล้ว คนที่กำลังใกล้เกษียณ กลุ่มลูกหลานที่มีพ่อแม่ที่ต้องดูแล รวมถึงผู้สูงวัยชาวต่างชาติที่อาศัยระยะยาวในไทย เช่น คนญี่ปุ่น สแกนดิเนเวีย สวิตเซอร์แลนด์ ที่เลือกไทยเป็นจุดหมายบั้นปลายในชีวิต และผู้ประกอบการที่เข้ามามองหาสินค้าและนวัตกรรม เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ ทั้งไทยและผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศ CLMV
ไฮไลต์ของงานส่วนที่ 1 จะเป็นการประชุม เน้นให้ความรู้ในการยกระดับผู้สูงวัยในไทย ความรู้ด้านการรักษาสุขภาพ การบริหารการเงินทั้งก่อนและหลังเกษียณ ส่วนที่ 2 จะเป็นการจัดแสดงสินค้ารวมกว่า 200 บูธ ซึ่งกว่า 80-90% เป็นผู้ประกอบการไทย และพาวิเลียนจากเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น ที่จะนำนวัตกรรมและโนว์ฮาวสำหรับผู้สูงวัย ที่จะมี 5 โซน ได้แก่ โซนเรื่องเซอร์วิส เช่น เนิร์สซิ่ง โฮม , เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์ โซนอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริม โซนการท่องเที่ยว ที่ในปีนี้ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมการท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ ในโครงการเก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวไทย ผู้สูงอายุที่ชนะเลิศจะได้รางวัลไปเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โซนโฮมแคร์และนวัตกรรมอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ และโซนฟื้นฟู (รีแฮบิเตชัน) เช่น หุ่นยนต์ผู้ช่วยศูนย์กระดูกและข้อ เครื่องช่วยฟัง เป็นต้น
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,378 วันที่ 28-30 มิ.ย. 2561 หน้า 22
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● 'จิณณ์' เปิดอะคาเดมีผู้สูงวัย
● "นีโอ" เล็งจัด "อินเตอร์แคร์ เอเชีย 2018" ดันไทยสู่ฮับสุขภาพผู้สูงวัยอาเซียน
