ส่งออกรูปบาทแผ่ว 4 เดือนโตแค่ 0.5%
ไส้ในส่งออกไทย 4 เดือนแรก รูปดอลลาร์โตกระฉูด สวนทางรูปเงินบาทโตแค่ 0.5% ผู้ประกอบการชี้ผลประกอบการไตรมาสแรกทุนหายกำไรหด ลุ้นบาทอ่อนค่าตีคืนครึ่งหลัง
การส่งออกของไทยช่วง 4 เดือนแรกปีนี้แม้ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯจะส่งออกได้ถึง 81,775 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัวสูงถึง 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จากการตรวจสอบการส่งออกในรูปเงินบาทพบมีมูลค่า 2.5 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพียง 0.5%
นายชัยชาญ เจริญสุข เลขาธิการ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการส่งออกรูปเงินบาทที่ขยายตัวเพียง 0.5% เกิดจากปัจจัยการแข็งค่าของเงินบาทเป็นหลัก ส่งผลให้ผลประกอบการของผู้ส่งออกโดยส่วนใหญ่ในไตรมาสที่ 1/2561 มีกำไรในรูปเงินบาทลดลงจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 เนื่องจากไตรมาสแรกปีนี้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง และผู้ประกอบการบางส่วนไม่สามารถต่อรองราคาสินค้าขึ้นได้ จะมีรายใดประสบภาวะขาดทุนหรือไม่ไม่ทราบ เพราะส่วนใหญ่ไม่เปิดเผย
“รายได้ในรูปเงินบาทที่ลดลงจะส่งผลกระทบมากในผู้ประกอบการรายเล็กที่มีการโฟกัสตลาดการส่งออกเพียงไม่กี่ตลาด และใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯเป็นหลักในการทำธุรกรรมทางการเงิน”
อย่างไรก็ตามมองว่าค่าเงินบาทจะยังไม่ออนค่าลงไปมากนัก และจะผันผวนอยู่ในกรอบ 31-32 บาทต่อดอล ลาร์สหรัฐฯ เป็นไปตามปัจจัยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศคู่ค้า แนะนำให้ผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงทางการเงินไว้ด้วย
เลขาธิการ สรท.กล่าวว่า จากที่สหรัฐฯและจีนได้บรรลุข้อตกลงเจรจายุติการตอบโต้การค้า โดยตกลงที่จะนำเข้าสินค้าจากฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นจะกระทบทางอ้อมต่อไทยจะทำให้จีนหรือสหรัฐฯนำเข้าสินค้าจากไทยลดลง จากหันไปนำเข้าสินค้าจากฝ่ายตรงข้ามแทน นอกจากนี้ยังมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับค่าจ้างขั้นตํ่าที่ต้นทุนด้านพลังงานเพิ่มขึ้นแม้เงินบาทจะอ่อนค่า แต่กำไรรูปเงินบาทในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ของผู้ประกอบการคงเพิ่มขึ้นไม่มากถึงคงที่
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,374 วันที่ 14-16 มิถุนายน 2561
การส่งออกของไทยช่วง 4 เดือนแรกปีนี้แม้ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯจะส่งออกได้ถึง 81,775 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัวสูงถึง 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จากการตรวจสอบการส่งออกในรูปเงินบาทพบมีมูลค่า 2.5 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพียง 0.5%
นายชัยชาญ เจริญสุข เลขาธิการ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการส่งออกรูปเงินบาทที่ขยายตัวเพียง 0.5% เกิดจากปัจจัยการแข็งค่าของเงินบาทเป็นหลัก ส่งผลให้ผลประกอบการของผู้ส่งออกโดยส่วนใหญ่ในไตรมาสที่ 1/2561 มีกำไรในรูปเงินบาทลดลงจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 เนื่องจากไตรมาสแรกปีนี้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง และผู้ประกอบการบางส่วนไม่สามารถต่อรองราคาสินค้าขึ้นได้ จะมีรายใดประสบภาวะขาดทุนหรือไม่ไม่ทราบ เพราะส่วนใหญ่ไม่เปิดเผย
“รายได้ในรูปเงินบาทที่ลดลงจะส่งผลกระทบมากในผู้ประกอบการรายเล็กที่มีการโฟกัสตลาดการส่งออกเพียงไม่กี่ตลาด และใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯเป็นหลักในการทำธุรกรรมทางการเงิน”
อย่างไรก็ตามมองว่าค่าเงินบาทจะยังไม่ออนค่าลงไปมากนัก และจะผันผวนอยู่ในกรอบ 31-32 บาทต่อดอล ลาร์สหรัฐฯ เป็นไปตามปัจจัยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศคู่ค้า แนะนำให้ผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงทางการเงินไว้ด้วย
เลขาธิการ สรท.กล่าวว่า จากที่สหรัฐฯและจีนได้บรรลุข้อตกลงเจรจายุติการตอบโต้การค้า โดยตกลงที่จะนำเข้าสินค้าจากฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นจะกระทบทางอ้อมต่อไทยจะทำให้จีนหรือสหรัฐฯนำเข้าสินค้าจากไทยลดลง จากหันไปนำเข้าสินค้าจากฝ่ายตรงข้ามแทน นอกจากนี้ยังมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับค่าจ้างขั้นตํ่าที่ต้นทุนด้านพลังงานเพิ่มขึ้นแม้เงินบาทจะอ่อนค่า แต่กำไรรูปเงินบาทในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ของผู้ประกอบการคงเพิ่มขึ้นไม่มากถึงคงที่
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,374 วันที่ 14-16 มิถุนายน 2561