ข้าพระบาท ทาสประชาชน : ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กับความเป็นผู้นำการเมืองไทย

08 มิ.ย. 2561 | 13:04 น.
 

56659

 

ผมได้มีโอกาสรู้จักกับ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เพราะเป็นคนร่วมยุคสมัยในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และเป็นมิตรต่างสถาบันศึกษา ที่ร่วมกิจกรรมทางการเมืองด้วยกันมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกว่าเป็นเพื่อน “คนเดือนตุลา” มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แม้เส้นทางชีวิตจะระหกระเหินแยกกันเดินไปตามเส้นทางของตน แต่ผมก็ติดตามบทบาทของ ดร.เอนก ด้วยความเอาใจใส่ตลอดมา เพราะบทบาทของท่านผู้นี้น่าศึกษาและน่าติดตามอย่างยิ่ง ด้วยความเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาคงต้องก้าวขึ้นมามีบทบาทในการเป็นผู้นำทางการเมืองไม่วันใดก็วันหนึ่ง เมื่อสถานการณ์และโอกาสเอื้ออำนวยให้ เขาจะเหมาะสมกับความเป็นผู้นำทางการเมืองไทยหรือไม่ และจะสอดคล้องกับสภาพสังคมแค่ไหน เพียงใด คงต้องย้อนดูประวัติและเส้นทางชีวิตมาประกอบการพิจารณา
331620 ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ จบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง มัธยมปลายที่อัสสัมชัญบางรัก ปี 2515 เขาสอบเข้าศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะเป็นนิสิตก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคจุฬาประชาชน ในปี 2519 ซึ่งเป็นพรรคการเมืองในมหาวิทยาลัย และเขาได้รับเลือกเป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ซึ่งเป็นองค์กรบริหารตัวแทนนักศึกษา เมื่อเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ก็ได้ลี้ภัยการเมืองไปอยู่ในป่าที่เขตจังหวัดพัทลุง ตรัง และ สตูล เป็นเวลาประมาณ 4 ปี เมื่อเหตุการณ์สงบหลัง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีคำสั่งที่ 66/2523 ดร.เอนก กลับคืนสู่เมืองและเปลี่ยนแนวทางการศึกษาจากแพทยศาสตร์ มาศึกษาด้านรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา จนสำเร็จปริญญาโท และต่อมาก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย อันเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา

เมื่อจบแล้วยังได้รับมอบหมายให้สอนวิชาเศรษฐกิจการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกระยะหนึ่ง ก่อนกลับมาเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและคณบดีคณะรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ยังได้รับเชิญไปเป็นศาสตราจารย์เยี่ยมเยือนที่ The Paul H.Nitze School of Advanced International Studies(SAIS) ในวอชิงตัน ดี.ซี. ของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ อีกด้วย ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์พิเศษสาขารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2553 เป็นต้นมา
331619 ในทางการเมือง ดร.เอนก มีประสบการณ์ทางการเมือง ที่อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่งตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนิสิตนักศึกษา โดยเป็นผู้นำนิสิตนักศึกษาร่วมกิจกรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 กระทั่งเข้าร่วมการต่อสู้กับภาคประชาชน และลี้ภัยเข้าป่าต่อสู้กับการเมืองระบอบเผด็จการ หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

โดยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนในเขตป่าเขา ส่วนการเมืองในระบอบรัฐสภา ก็เคยคลุกคลีร่วมทำงานมีประสบการณ์ไม่น้อย โดยเคยเป็นที่ปรึกษานายมารุต บุนนาค ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันพระปกเกล้า เคยเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลชวน 2 และเคยเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ลาออกมาพร้อม พล.ต.สนั่น และร่วมกันตั้งพรรคมหาชนโดย ดร.เอนก ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค เส้นทางเดินทางการเมืองของ ดร.เอนก จึงไม่ธรรมดาและมิใช่คนแปลกหน้าในทางการเมืองของไทย
5965659

ในรัฐบาล คสช.หลังการรัฐประหาร 2557 ด้วยความที่ ดร.เอนก เป็นบคคลผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์ทางการเมืองในระดับสูง เขายังได้รับการทาบทามให้มาช่วยงานการเมืองของรัฐบาล โดยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาและกรรมการคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญอีกด้วย

ในทางวิชาการ ถือได้ว่า ดร.เอนก เป็นนักวิชาการทางรัฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิหลายสถาบัน ผลงานสำคัญที่สร้างชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักแก่ประชาชน และสถาบันการเมืองต่าง ๆ ก็คือ เขาเป็นผู้เสนอข้อเขียนและบทความทางวิชาการเรื่อง “สองนคราประชาธิปไตย” โดยเป็นผู้สรุปให้เห็นถึงสภาพทางการเมืองไทยในอดีตถึงปัจจุบันว่า “คนชนบทเป็นผู้เลือกรัฐบาล แต่คนในเมืองเป็นผู้ล้มรัฐบาล” ดร.เอนก เป็นนักคิด นักวิชาการ ที่มีผลงานสมํ่าเสมอ ที่สำคัญคือผลงานด้านวิชาการที่เป็น
ไปเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ และเพื่อประชาชน
1528461684114 โดยผลงานล่าสุดที่เป็นผลงานทางวิชาการที่ทรงคุณค่า และสอดคล้องกับยุคสมัยกับสถานการณ์ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อสังคม รวมถึงประเทศไทยของเราเป็นอย่างยิ่งก็คือ ผลงานการศึกษาและข้อเขียนในทางวิชาการเรื่อง บูรพาภิวัฒน์:ภูมิ-รัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกใหม่ เขียนโดย ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ หนังสือเล่มนี้เป็นงานเขียนที่ทำนายถึงอนาคตอันอยู่ไม่ไกลของโลกและภูมิภาคเอเชียตะวันออก เพราะได้วิเคราะห์ถึงแนวโน้มของสถานการณ์โลก ที่เปลี่ยนแกนจากตะวันตกไปสู่ตะวันออก

โดยพลังอำนาจทั้งมวลของโลก ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยีและการทหาร ตลอดจนเส้นทางคมนาคมขนส่งที่กำลังก้าวสู่ระยะเปลี่ยนผ่านมาสู่ตะวันออก ตามลักษณะทางภูมิ-รัฐศาสตร์และศักยภาพของแต่ละประเทศ ซึ่ง ดร.เอนกผู้เขียน ได้นำเสนอทฤษฎีความเป็นไปได้ และแนวทางที่ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศไทย ควรเตรียมตัวและจัดวางยุทธศาสตร์ประเทศอย่างไร เพื่อรับมือกับกระแสโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปกับมหาอำนาจใหม่ในภูมิภาค อย่างรู้เท่าทันเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติของตน

ความเป็นนักคิดและนักวิชาการ รวมถึงความเป็นผู้มีประสบการณ์ในทางการเมืองในทุกมิติดังกล่าวมา รวมถึงการเป็นนักวิชาการที่มิได้นั่งอยู่แต่เพียงบนหอคอยงาช้าง แต่ใช้ชีวิตคลุกคลีร่วมต่อสู้กับประชาชน มีประสบการณ์ทางการเมือง จากการปฏิบัติที่เป็นจริง ประกอบกับฐานะทางครอบครัวและชนชั้นของ ดร.เอนก ที่มาจากครอบครัวผู้ประกอบธุรกิจ ทำมาค้าขาย หาเลี้ยงชีพด้วยความสุจริต ทำให้ ดร.เอนก มีบุคลิกความเป็นนักคิดนักวิชาการที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน ซึ่งหาไม่ค่อยจะมีในบรรดานักการเมืองที่ผ่านๆ มา คุณลักษณะที่มีพร้อมอย่าง ดร.เอนก จึงเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการเมืองไทยในภาวะปัจจุบัน หากประเทศไทยจะมีผู้นำทางการเมืองเช่นนี้ มาเป็นผู้นำประเทศ
331614 การที่ ดร.เอนก กล้าประกาศตนออกมารวบรวมพี่น้องประชาชน และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ที่มีแนวทางความคิดเดียวกัน มาร่วมตั้งพรรคการเมือง รวมพลังประชาชาติไทย ด้วยการประกาศอุดมการณ์สำคัญ 7 ประการว่า จะเทิดทูนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ มุ่งปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตย ยึดหลักธรรมาธิปไตย ทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของพรรค แก้ไขปัญหาประเทศและเปลี่ยนแปลงปฏิรูปบ้านเมืองในทุกๆ ด้าน ให้คนไทยรักชาติและภาคภูมิใจในความเป็นไทย หลุดพ้นจากความยากจน และสามัคคีปรองดองกัน โดยไม่แบ่งสีแบ่งฝ่าย ไม่ผูกมัดตนเองว่าตั้งพรรคเพื่อหนุนทหารเป็นนายกฯ หรืออาศัยการดูดเอาอดีต ส.ส. นักการเมืองเก่าๆ แต่เพียงอย่างเดียวมาร่วมพรรค แบบนี้ก็คงจะโดนใจคนไทยที่รักชาติรักประชาธิปไตย และเบื่อหน่ายการเมืองแบบเก่าๆ ได้ไม่น้อย เป็นพรรคอนาคตใหม่ให้กับประชาชนไทยได้ ไม่ใช่พรรคอนาคตใหม่ที่เสี่ยงภัยและสร้างศัตรูอย่างยิ่ง แบบความคิดสุดขั้ว

จึงขอให้กำลังใจครับสำหรับคนที่คิดดีทำดีแบบนี้ ประเทศไทยตกอยู่ในยุคไร้ผู้นำมานาน ชะตากรรมของบ้านเมืองตกอยู่ในกำมือของคนชั่ว การเมืองเลวมายาวนาน จนประเทศสูญเสียโอกาส และล้าหลังมามากพอแล้ว เพราะนักการเมืองแต่ละคนที่ขึ้นมามีอำนาจหาคนดี คนเก่ง มีความรู้ ความสามารถยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ที่ผ่านมาล้วนโกงจนสิ้นชาติ เหลิงอำนาจจนลืมตัว ขอผู้นำแบบลงตัว เป็นคนดีมีความรู้มากู้ชาติเสียทีเถอะครับ ประเทศไทยจะได้เจริญรุ่งเรืองเสียที

 

|คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน
|โดย : ประพันธุ์ คูณมี
|หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3373 ระหว่างวันที่ 10-13 มิ.ย.2561
e-book-1-503x62-7